เย็นจิตร พรเทวี
จากอีสานบ้านนา มาอยู่กรุง จากแดนทุ่งลุยลาย... ชัยภูมิบ้านเดิม ถิ่นเกิดกาย บ่ได้หมายจากจร กลางคืนนอนฝัน ฉันนี้ก็ยังอาวรณ์ ก่อนหลับก่อนอน ฉันอาวรณ์อาลัย..."
เพลง "คิดถึงทุ่งลุยลาย" จังหวะชวนเต้น จากปลายปากกา ครูสุมทุม ไผ่ริมบึง สร้าง "อีแหล่" หรือ "สาวผิวดำ" อย่าง นางสาวส้มกลีบ ตรีชุมนอก เด็กสาวจาก อำเภอแวงน้อย จังหวัดขอนแก่น กลายมาเป็นนักร้องลูกทุ่งชื่อดังที่มีเสียงเป็นเอกลักษ์ชื่อ "เย็นจิตร พรเทวี" มีชื่อเป็นที่รู้จักของคอเพลงลูกทุ่งแพร่หลาย ร่วมสมัยกับ อรอุมา สิงห์ศิริ เจ้าของเพลง สาวอีสานรอรัก เพราะถูกสร้างมาจากครูเพลงคนเดียวกันคือ "กัวราช่า" หรือครูสุมทุม ไผ่ริมบึง นั่นเอง
เย็นจิตรเล่าถึงชีวิตวัยเยาว์ว่า "สมัย เด็กๆ อายุ 6-8 ขวบ เวลามีหนังล้อมผ้าหรือมีงานต่างๆ ที่ไหน ก็มักจะขอเขาร้องเพลง ร้องจนคนรู้จักไปทั่วเลย เขาจะเรียกกันว่า "อีแหล่" (เด็กตัวดำ) เป็นลูกพ่อกว้าง แม่เพียร ซึ่งมีลูกชายลูกสาวอยู่ทั้งหมด 8 คน เย็นจิตร เป็นคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้องทั้ง มีนิสัยชอบการร้องรำทำเพลง แต่งตัวสวย (คงจะงานเบากว่าการทำนา พี่น้องจึงให้ทำงานเสร็จก่อนจึงจะได้ไปร้องเพลง แต่พ่อกับแม่ก็ไม่ห้าม) พอมีการประกวดร้องเพลงที่ไหนก็ไปสมัครประกวด แข่งขันกับเขา สมัยนั้น การประกวดร้องเพลงสมัครกันทีเป็น 100 คน แข่งขันกันจนเหลือคนเดียว ซึ่งก็ได้ที่ 1 มาตลอด"
เย็นจิตร พรเทวี เล่าถึงพรสวรรค์ของเธอที่ติดตัวมาว่า ด้วยความสามารถของตัวเอง ราวปี 2519 หลังจากเธอชนะเลิศคว้ารางวัลในการประกวดร้องเพลง ด้วยน้ำเสียงที่แปลกของเธอ ไปถูกใจเจ้าของร้านอาหารชื่อ ทุ่งศรีเมือง ที่ตั้งอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี ซึ่งบังเอิญอยู่สถานที่ประกวดที่นั่นพอดี เธอจึงได้รับการติดต่อให้เป็นนักร้องประจำห้องอาหารดังกล่าวนับจากนั้น
เย็นจิตร พรเทวี ได้รับเงินเดือน 800 บาท (ในสมัยที่ ทองคำ บาทละไม่ถึงสามร้อย) แขกห้องอาหารติดใจมาฟังเยอะเลย พวกร้านอาหารก็แย่งตัวกัน โดยเสนอเงินเดือนให้เป็นหมื่นๆ ก็เลยไปร้องให้ร้านอาหารหลายแห่งใน อุดรธานี ข่อนแก่น แถบนั้นไปร้องหลายที่ จนมาร้องที่ห้องอาหารชื่อ "วาเลนไทน์" ที่ จังหวัดขอนแก่น ช่วงปี 2524 นั้นได้พบกับครูสุมทุม ไผ่ริมบึง ซึ่งมานั่งฟังเสียงมานานนับเดือน ครูเขาเรียกไปนั่งที่โต๊ะ ครูก็บอกว่า "สนใจเสียงร้องของเธอนะ มานั่งฟังอยู่เป็นเดือนแล้ว มันแปลกดี อยากบันทึกแผ่นเสียงไหม"
เย็นจิตร แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ครูบอก เลยลองถามทดสอบครูว่า ครูมานั่งฟังเราร้องเพลงจริงหรือเปล่า เลยถามครูว่า "เมื่อวานหนูใส่ชุดสีอะไร อาทิตย์ที่แล้วใส่สีอะไรบ้าง" ครูแกก็ตอบได้หมด ก็เลยเชื่อว่าครูมาฟังการร้องเพลงจริงๆ ก็เลยบอกกับครูว่า "ถ้าอยากให้หนูเป็นนักร้องจริงๆ ครูต้องไปขอกับพ่อแม่ของหนู ว่าจะยอมให้ครูพาไปอัดแผ่นไหม?"
หลังจากนั้น เมื่อพ่อ-แม่อนุญาตแล้ว ครูก็เริ่มสอนการร้องเพลงหมอลำให้กับเย็นจิตร แต่ด้วยความที่เราไม่เคยลำหมอลำ ลิ้นแข็ง ทำให้ร้องเพลงหมอลำไม่ค่อยได้ ครูก็เลยมาฝึกเรื่องการออกเสียง และให้เคาะจังหวะตามไปด้วย นอกจากเรื่องการร้องเพลงแล้ว ครูก็สอนเรื่องการอยู่ การกิน เรียกได้ว่าครูสอนการดำรงชีวิตทุกอย่างให้เราเพื่อให้ได้เป็นนักร้องที่ดี
คิดถึงทุ่งลุยลาย - เย็นจิตร พรเทวี
เย็นจิตร พรเทวี กล่าวถึงการพบกับ ครูสุมทุม ไผ่ริมบึง ครูที่วางเส้นทางการเป็นนักร้องให้แก่เธอ ซึ่งตลอดชีวิตของเย็นจิตร นอกเหนือจากพ่อ-แม่แล้ว ก็มีครูสุมทุม นี่แหละที่มีพระคุณกับเธอ หลังจากถูกบ่มเพาะจนได้ที่แล้ว งานเพลงชุดแรกของเธอจึงเผยโฉมออกมาในชุด "ลำเพลินโต้ลมหนาว" งานชุดนี้ยังไม่เปรี้ยงปร้างนักอาจเป็นที่เพลงยังไม่ถูกร่องเสียงของเธอ จนมาเป็น "คิดถึงทุ่งลุยลาย" ผลงานชุดที่ 2 คนรู้จักกันมากขึ้นด้วยเสียงที่มีเสน่ห์ ลูกคอที่ติดปากคนฟัง
พอชุดนี้ดังมาก "นายห้างเสียงสยาม" ก็เลยทำวงให้ โดยไปขอซื้อวงดนตรีของเพลิน พรหมแดน ทำอยู่ 6 ปี ทางเสียงสยามก็หยุดทำ ช่วงหลังมีพี่กำนันมาช่วยทำให้อีก รวมๆ แล้ว เย็นจิตร พรเทวี ทำวงดนตรีอยู่นาน 15 ปี แล้วหยุดทำวงไปมาเป็นนักร้องรับเชิญ จนมาอยู่กับค่ายท็อปไลน์ มิวสิก อีก 17 ปี
ความทรงจำกับครูสุมทุม ไผ่ริมบึง
จนเมื่อ ปี 2539 ก่อนที่ครูสุมทุม ไผ่ริมบึง จะเสียชีวิต ตอนนั้น เย็นจิตร พรเทวี เดินสายแสดงอยู่ทางภาคอีสาน เธอเล่าว่า "พอรู้ว่า ครูไม่สบาย อยากเจอ เราก็รีบมาหาครูเลย พอมาถึงครูบอกว่า ไม่เป็นไรแล้ว และครูก็ยังทำท่ากำหมัดชกลมให้เราดูอีกด้วย เราก็ว่า ครูแข็งแรงดี พอรุ่งเช้าเท่านั้นแหละ ภรรยาครูที่เคยเป็นลูกน้องในวงของเรา ก็โทรศัพท์มาบอกว่าครูเสียแล้ว เราก็ยังย้ำว่าเสียได้ยังไง เมื่อวานยังดีอยู่เลย แต่เขาก็ยืนยันว่าครูเสียแล้วจริงๆ" เย็นจิตรเสียใจมากๆ ตลอดชีวิตของเย็นจิตร พรเทวี นอกเหนือจากพ่อ-แม่แล้ว ก็มี ครูสุมทุม ไผ่ริมบึง นี่แหละที่มีพระคุณกับเย็นจิตรอย่างมาก "เย็นจิตรจะไม่ลืมพระคุณของครูเลย ไม่ว่าครูจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"
ความโด่งดังกับมรสุมชีวิต
เย็นจิตร พรเทวี ถือว่าเป็นนักร้องที่ถูกมรสุมรุมกระหน่ำต่อเนื่อง ผ่านเรื่องราวเฉียดตายมาก็หลายครั้ง เส้นเลือดในลำคอแตกจนเกือบร้องเพลงไม่ได้ ในปี พ.ศ. 2545 เพราะถูกชายที่หลงรักยิง จนเกือบยื้อลมหายใจไว้ไม่ได้ ขึ้นพาดหัวข่าวบนหน้า 1 หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ทุกฉบับ เธอเล่าว่า
"ตอนโดนยิง คือมีคนมารัก มาชอบ ความรู้สึกเขาประมาณว่า ถ้าเขาไม่ได้ คนอื่นก็ต้องไม่ได้ ก็มายิงเราเลย แต่ไม่ได้เอาเรื่องเขาเลยนะ อโหสิกรรมให้เขาทุกอย่าง คิดว่าชาติที่แล้วเราคงไปยิง หรือทำร้ายเขาไว้ก่อน จึงต้องมาชดใช้กรรมในชาตินี้ จากนั้นคุณพ่อ คุณแม่ก็มาเสียในเวลาใกล้เคียงกัน มีปัญหาต่อเนื่อง มองไม่เห็นทางกลับมาเหมือนกัน ก็หันหน้าไปปฏิบัติธรรม ที่วัดอัมพวัน จังหวัดสิงห์บุรี จนใจไปทางธรรมแล้วรู้ว่าทางสายเอกคืออะไร รู้ว่าทำไมถึงเกิด มีคนจน คนรวย คนสวย คนขี้เหร่"
เมื่อทางธรรมช่วยเยียวยาจิตใจจนมีพลังเปี่ยมท้น เย็นจิตร พรเทวี ฮึดทำเพลง "ลบได้แต่เบอร์" ใช้เดินสายหารายได้เลี้ยงครอบครัวที่มีลูกและหลานต้องดูแล จนได้หวนกลับมาร่วมงานกับ "ท็อปไลน์ มิวสิค" อีกหน
ลบได้แต่เบอร์ - เย็นจิตร พรเทวี
"หลังจากที่โดนยิง ปี 2546 ก็อยู่กับวงดนตรี เอกชัย ศรีวิชัย ขึ้นเวทีกับเขา ร้องไห้ทุกวัน ไม่คิดว่าแฟนสายใต้จะให้การตอบรับเรามากมายขนาดนี้ ร้องเพลง "ชู้ในตู้เสื้อผ้า", "ผ่านเลย" กับ นายห้างทวีชัย ที่รู้จักกันตั้งแต่สมัยยังเป็น มิวสิคไลน์ ยังไม่เป็นท็อปไลน์ฯ เลย ที่ทำเพลงนี้ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาได้ขนาดนี้นะ คือตั้งใจทำเพื่อร้องให้แฟนๆ ฟัง ทีนี้ คุณท็อป (ศราวุธ พลอยประดับ) ดีเจลูกทุ่งรักไทย เอฟเอ็ม 90 เขาบอกว่า เพราะ ก็เอาไปเปิดในคลื่น เปิดได้ไม่นานคุณท็อปก็โทรศัพท์มาบอกว่า กระแสเพลงนี้ดีมากนะมี คนขอมากันมาก เราก็ดีใจ แล้วนายห้างทวีชัยก็อ้าแขนรับ เลยตัดสินใจกลับบ้านเก่า ท่านเป็นคนดี ช่วยเหลือพี่มาก เคยให้เงิน 8 แสน ไปไถ่บ้าน ไถ่นา พี่ไม่ลืมพระคุณท่าน เราเป็นนักร้องตัวคนเดียว ขับรถเอง ทำเอง อิสระจริงๆ เพลงก็ทำไปขายให้เจ้านายเอง ทำเป็นมาสเตอร์ไปเลย ความดีของท่านเยอะ พอท่านอ้าแขนรับก็มาอยู่เลย ส่วนค่ายอื่นที่มาทาบทามไว้ก่อนก็กราบขอโทษเขาแล้ว ชี้แจงเหตุผลว่าเราไม่ลืมบุญคุณของนายห้างที่มีกับเรามากมายเหลือเกิน"
รางวัลแรกในชีวิต
เย็นจิตร พรเทวี ได้รับการยกย่องว่า เป็นนักร้องคุณภาพคับแก้ว ครบเครื่องเรื่องร้องเต้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 มาถึงปี พ.ศ. 2558 จนอายุล่วงเลยเข้าสู่หลัก 6 ไม่น่าเชื่อว่าเธอไม่เคยได้รับรางวัลการันตีความสามารถมาก่อน "รู้สึกตื้นตันใจ ในฐานะที่เป็นนักร้องมายาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 สามสิบกว่าปีแล้วที่อยู่วงการมา เพิ่งได้รับรางวัลจากสยามดารา เป็นรางวัลแรกในชีวิต ไม่เคยคิดว่าจะได้เลย จะเลิกร้องเพลงอยู่แล้วด้วย ตั้งแต่โดนยิง พ่อแม่เสีย ชีวิตล้มเหลว เส้นเสียงแตก วูบต่อเนื่อง"
สาวดำรำพัน เย็นจิตร พรเทวี กล่าวในงาน "สยามดารา สตาร์ส อวอร์ดส์ 2015" หลังจากรับรางวัล "นักร้องลูกทุ่งยอดเยี่ยม" จากเพลง "ลบได้แต่เบอร์" ผลงานที่ออกกับค่าย "ท็อปไลน์ มิวสิก" ของ นายห้างทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม "ก่อนวันประกาศผลรางวัล ได้ซื้อหนังสือพิมพ์สยามดารามาอ่าน มีชื่อเข้าชิงรางวัลก็ภูมิใจแล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้รางวัลอะไร เพราะผลงานของศิลปินที่เข้าชิงด้วยกันโดดเด่นทุกคน มองไม่ออกว่าของเราจะโผล่มาได้อย่างไร พอได้รางวัลแรกของชีวิตก็ดีใจมาก ขอบคุณ 'สยามดารา' ที่มองเห็นคุณค่า ขอบคุณค่ายท็อปไลน์ฯ ขอบคุณบุคคลที่มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงานทุกคน"
ในวัยเข้าสู่หลัก 6 เย็นจิตร พรเทวี ยังต้องต่อสู้ชีวิต ไม่แตกต่างจากสมัยวัยรุ่น ขึ้นอีสานล่องใต้ ลุ้นมีงานมีรายได้มาปลดหนี้ท่วมหัว ไถ่ที่ทางและบ้านที่เอาไปจำนองไว้กับ ธกส. แลกเงินออกมาให้ลูกได้ค้าขาย แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่เป็นดั่งใจหวัง
"ทุกวันนี้อยู่กับสุนัขพันธุ์ชิสุ ชื่อว่า โตโต้ ไปไหนด้วยกัน เช่าบ้านที่หาดใหญ่ เดือนละ 3,500 บาท ไว้ใช้หลับนอนตอนมาเดินสายภาคใต้ ทุกวันนี้มีงานภาคใต้มากกว่าภาคอื่น มีงานก็ลงมาอยู่ที่นี่ ช่วงไม่มีงานก็กลับไปอยู่บ้านที่ขอนแก่น ทุกวันนี้ค่าตัว 1 หมื่น 5 พันบาท ใกล้ไกลเท่ากันหมด เรียกเท่านี้แหละ เพราะเราเป็นนักร้องมายาวนานแล้ว อยู่ในดวงใจแฟนๆ ได้เพราะแบบนี้ สมัยรุ่งๆ มีวงก็จริง แต่ค่าตัวก็ได้วันละ 300-400 บาท คือ ค่าวงดนตรี 6-7 หมื่นบาท แต่ของเราได้เท่านี้ ที่อยู่ได้เพราะให้ลูกน้องขายหนังสือประวัติ รูปภาพ จริงๆ นะ ไม่เคยจับเงินแสน เย็นจิตรไม่เคยโกหก เป็นคนพูดตรงๆ เชื่อในเรื่องกรรม ตอนนี้บอกตรงๆ เลยอยากประสบความสำเร็จอีกครั้ง เพื่อมีเงินมาใช้หนี้ให้หมด มีหนี้ ธกส. อยู่ประมาณ 2 ล้านบาท เอานาไปจำนองให้ลูกไปทำมาค้าขาย เศรษฐกิจไม่ดีลูกเต้าก็ไปไม่รอด ตอนแรกหนี้ไม่เยอะ แต่ค้างเขา 10 ปี ดอกเพิ่มมาเรื่อยๆ บ้านลูกก็เอาไปจำนองกับคนนอกอีก รวมแล้วก็มีหนี้กว่า 3 ล้าน ทุกวันนี้ทยอยจ่ายทุกเดือนเพื่อตัดดอก เดือนละ 5 พันบ้าง 3 พันบ้าง ลูกทำแต่แม่ต้องรับภาระ เขายืนไม่ได้ก็ต้องช่วย ยินดีค่ะ เพราะเขาเป็นคนขยัน มุมานะ ไม่ได้ขี้เกียจ แต่ขายของไม่ดีหนี้เลยพอกหน้าพอกหลัง เคยท้อนะ แต่ไม่ถอย ต้องสู้"
แม้รู้สึกเหนื่อยจนท้อแต่ก็ไม่เคยถอย หากปลดหนี้ได้แล้ว เจ้าของรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมสยามดารา บอกว่าจะนำเงินไปสร้างเมรุหลังใหม่ วัดบ้านเกิดที่ร้าว แทนหลังเก่าที่นับวันมีแต่ทรุด พร้อมทั้งสร้างซุ้มประตูเข้าวัดด้วย
"เคยท้อ แต่ไม่ถอย อายุ 60 ปี ร้องเพลง 2 ชั่วโมง ไม่มีเจ้าภาพบ่นไม่พอใจด้านหน้าเวที อายุมากแล้วแต่ก็ร้องเต้นเต็มที่เหมือนเดิม เชื่อว่าพระเจ้าสร้างมาให้กล่อมโลก ทำหน้าที่ตนเองให้ดีที่สุด ส่งหลานเรียนหนังสืออีก 2 คน เรารายได้ทางอื่นไม่มี รับจ้างร้องเพลงอย่างเดียว อยู่ตัวคนเดียวตั้งแต่ปี 2531 ไม่เคยมีแฟนใหม่อีกเลย และไม่คิดรักใครแล้ว อยากอยู่กับแฟนเพลง อยู่หน้าเวทีแล้วมีความสุขมาก เป็นมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้ว่าครอบครัวไม่สมดุลแต่ก็สู้เต็มที่ เพราะลูกๆ เราไม่ได้ขี้เกียจ ขยันทำมาหากิน เพียงแต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ อยากมีเงินทำบุญให้กับคุณพ่อคุณแม่ หาเงินสร้างเมรุที่บ้านจังหวัดขอนแก่น ตอนที่เผาศพท่านเห็นเมรุร้าว ถ้ามีโอกาสก็อยากเป็นแกนนำสร้างเมรุหลังใหม่ และสร้างซุ้มประตูเข้าวัดที่ทั้งสองท่านบอกไว้ก่อนเสียชีวิต ผ่านมาหมดแล้วชีวิต เป็นนักร้องดัง ตกต่ำ จน รวย โดนยิง โดนไล่ล่า ปัญหาอะไรเข้ามาสู้ไหวค่ะ ตอนนี้เพลง "สั่งฟ้าไปหาพี่" ที่ออกมาต่อ "ลบได้แต่เบอร์" ก็เริ่มดี ขอบคุณแฟนๆ ทุกท่านที่ให้การสนับสนุนนะคะ"
อีกสิ่งที่เย็นจิตรเพียรทำทุกวันคือ "ความดี" ด้วยเชื่อว่าโลกเรามี 3 โลก ประกอบด้วย โลกปัจจุบัน นรก และสวรรค์ เส้นทางเมื่อดับสูญแล้วไปไหน สามารถเลือกได้ ตั้งแต่ยังอยู่ในโลกมนุษย์ ความรัก โลภ โกรธ หลง และทรัพย์สมบัติ ไม่มีใครสามารถนำติดตัวไปได้ เมื่อร่างสลายเป็นเถ้าธุลี
ตอนนี้ เย็นจิตร พรเทวี ออกมาจากบริษัทท็อปไลน์แล้ว มาทำเพลงเอง ชื่อชุด "ส่ะจ่าย...แล้วม่าย" เป็นเพลงใต้ผสมกับลูกทุ่งอีสาน ก็ได้แฟนเพลง พี่ๆ สื่อมวลชน นักจัดรายการที่ให้ความเมตตา ช่วยสนับสนุนมาตลอด ลูกทุ่งอีสาน เย็นจิตร พรเทวี ได้ใช้ธรรมะนำทำเพลงสะท้อนสังคมคนยุคใหม่ที่ใครๆ ก็ 'ชอบจิ้ม'
ชอบจิ้ม - เย็นจิตร พรเทวี
“ตอนนี้จะมาทำเพลงชุดใหม่ มี 4 เพลง อาจารย์สวัสดิ์ สารคาม ทำดนตรีเสร็จแล้ว มีเพลง “ชอบจิ้ม” เนื้อหามันจะดูเป็นเรื่องราวของการชอบเล่นไลน์กัน ก้มหน้าก้มตาจิ้มแต่โทรศัพท์ อีกเพลงจะเป็นเพลง “สาวเลี้ยงควาย” ควายเราเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก พอโตก็ใช้งานเนื้อหาสนุกๆ “คึกนำผัวเขา” เนื้อหาแอบชอบผัวเขาตามตลาดนิยม และก็เพลง ”ขอบคุณเจ้าแม่นางนอน” วันนี้มาใส่เสียงและก็มิกซ์เรียบร้อยแล้ว”
เมื่อถามถึงช่วงที่เงียบหายไปนาน ยังใช้ชีวิตอยู่ที่ภาคใต้หรือไม่ เจ้าของเสียงเพลง ”ทุยลุยลาย” บอกว่า “ที่หายๆ ไปพี่ก็ยังร้องเพลงอยู่ภาคใต้มีงาน 5 งานต่อเดือนบ้าง ก็พอมีร่ายได้มาเลี้ยงตัวเอง นานแล้วไม่ได้ออกเพลงใหม่ เพิ่งมาเที่ยวนี้ ช่วงที่หายหน้าไปพี่ก็ ไปนั่งสมาธิที่วัดหลวงพ่อจรัญ ที่สิงห์บุรี หลายปีมาแล้ว น่าจะสัก 10 กว่าปี เดินสายธรรมสภาพจิตใจเราตอนนี้ปฎิบัติตัวเรียบง่ายไม่กินน้ำเย็น ไม่ดูทีวีนอนกับพื้นธรรมดา มันไม่ได้อยากได้อะไรใช้ชีวิตแบบสมถะ นั่งวิปัสสนา เดินจงกรม พี่จะแต่งตัวเฉพาะตอนไปร้องเพลงเท่านั้น การกินดื่มก็หายไป อยู่แบบง่ายๆ ชีวิตดีขึ้น ความสุขไม่ใช่อยู่ที่การร่ำรวย จิตใจเราสงบสุข ถือเป็นความสุขที่แท้จริง ถึงเวลาก็ไปร้องเพลง“ เย็นจิตรกล่าวทิ้งท้าย ซึ่งต้องกราบขอบคุณแฟนเพลงทุกคนมาก ซึ่งใครสนใจจะติดต่องานก็ติดต่อมาได้ที่ โทร. 08-1367-3267
ลำม่วนชวนเพลิน "สนธยา เจอ เย็นจิตร" : สารพันลั่นทุ่ง บางเขน
เรียบเรียงข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก, สยามดารา และจากรายการ บุปผาสวรรค์