foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนนะครับ ฤดูหนาวแต่ร้อน และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็ฤดูเก็บเกี่ยวของชาวนาซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวด้วยมือแบบดั้งเดิมแล้ว แต่หันมาใช้รถเกี่ยวข้าวแทนซึ่งทำได้รวดเร็วกว่ามากๆ แต่ก็มีปัญหาตามมาคือข้าวเปลือกมันยังไม่แห้งเก็บเข้ายุ้งฉางไม่ได้ ต้องมีการตากแดดให้แห้งก่อนสัก 2-3 วัน พอมีฝนมาแบบนี้ก็แย่เลย บางรายก็เอาไปตากบนถนนหนทางซึ่งอันตรายมากๆ อย่าหาทำเด้อพี่น้อง มันผิดกฎหมาย...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

: Facebook Likebox ::

: Administrator ::

mail webmaster

: My Web Site ::

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net200x75

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

looktung morlum artists

ปิดไฟใส่กลอน       จะเข้ามุ้งนอนคิดถึงใบหน้า
นั่งเขียนจดหมาย   แล้วรีบทิ้งไปโรงงานทอผ้า
..."

จนกระทั่งบัดนี้ ก็ยังไม่มีคำตอบว่า ปิดไฟแล้วมองเห็นเขียนจดหมายได้อย่างไร? คนแต่งเนื้อร้อง ทำนองก็จากไปนานแล้ว... แต่คนร้องเพลงยังอยู่ ไปทำความรู้จักกันหน่อย

rakchart 02

รักชาติ ศิริชัย

รักชาติ ศิริชัย มีชื่อจริงว่า นายบุญช่วย จิวิสาย มีชื่อเล่นว่า "ช่วย" เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2498 ที่บ้านหนองมะเขือ ตำบลโคกสำราญ อำเภอบ้านไผ่ (ปัจจุบันเป็น อำเภอบ้านแฮด) จังหวัดขอนแก่น ในครอบครัวที่มีพี่สาว 2 คนที่เป็นนางเอกหมอลำ ทำให้รักชาติซึมซับเรื่องจังหวะดนตรีมาตั้งแต่เล็ก เมื่อได้ช่วยตีกลอง ฉับ ฉิ่ง ในระหว่างที่พี่สาวซ้อมหมอลำ แต่รักชาติกลับสนใจเพลงลูกทุ่งมากกว่าหมอลำ โดยในช่วงนั้นเขาชื่นชอบเพลงของ "รุ่งเพชร แหลมสิงห์" มากเป็นพิเศษ

รักชาติ เริ่มจับไมค์ร้องเพลงครั้งแรกในงานแต่งงานงานหนึ่ง จากนั้น เขาก็ออกตะลอนประกวดร้องเพลงในพื้นที่ใกล้เคียง จนมาถึงการประกวดที่สถานีวิทยุ มก. ขอนแก่น (2517) ช่วงนั้นใช้เพลง "เดือนยี่ปีหน้า" ของรุ่งเพชร แหลมสิงห์ และเพลง "หลับไม่ลง" ของ แมน เนรมิต ก็ชนะได้รับรางวัลเสียเป็นส่วนใหญ่ ในช่วงหลังๆ จึงมักได้รับการปฏิเสธจากผู้จัดการประกวดไม่ให้เข้าร่วมประกวดด้วยอีก

ต่อมา รักชาติ ได้ไปสมัครเป็นนักร้องกับวงดนตรีชื่อ "จุฬาภรณ์" ที่จังหวัดมหาสารคาม แต่วงก็อยู่มาได้แค่ 2 เดือนก็หยุดวงช่วงหน้าฝน คิดอยากทำเพลงของตนเอง ด้วยความช่วยเหลือของ อาจารย์อำนวย อัมพะวง คนในวงการวิทยุด้วยทุนตนเอง 2,500 บาท ได้มีโอกาสบันทึกเสียงเพลงแรกในชีวิต เป็นผลงานเพลงของ ครูชลธี ธารทอง ชื่อ "จดหมายฉบับสุดท้าย" ในชื่อนักร้องว่า เมธี ศรีไพรวัลย์ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เขาจึงเดินทางกลับบ้านและมาบวชอยู่ 1 พรรษา ระหว่างนั้น มีเพื่อนมาพูดคุยเรื่องการเป็นนักร้องที่กรุงเทพฯ เมื่อสึกออกมา รักชาติ จึงตัดสินใจลงมาเสี่ยงโชคที่กรุงเทพฯ โดยหวังจะมาสมัครเป็นนักร้องกับวงดนตรี "รุ่งเพชร แหลมสิงห์" ที่เขาชื่นชอบ แต่ปรากฏว่าเมื่อเดินทางถึง "ซอยบุปผาสวรรค์" แหล่งรวมของวงดนตรีลูกทุ่งทั่วไทยในยุคนั้น เขาได้เห็นมีการประกาศขายรถบัสเดินสายของวง "รุ่งเพชร" ทำเอาใจคอของ รักชาติ ห่อเหี่ยวไปไม่ใช่น้อย เลยต้องไปหางานทำกับเพื่อนหมู่บ้านเดียวกันที่โรงน้ำแข็งแถวบางแค

rakchart 03

แต่ก็ยังถือว่าโชคดีในที่สุดได้เจอเพื่อนสมัยประกวดร้องเพลงด้วยกัน ชักนำ รักชาติ ไปอยู่กับวงดนตรี "ศรีไพร ลูกราชบุรี" ซึ่งก็มีโอกาสได้ร้องเพลงหน้าเวทีบ้าง ไม่ได้ร้องบ้าง ต่อมาเมื่อวงมาเดินสายอยู่แถวภาคเหนือ รักชาติ ได้ไปพบกับตลกที่เคยอยู่กับ สุชาติ เทียนทอง นักร้องนักแต่งเพลงชื่อดังคนหนึ่ง จึงพาไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์ ซึ่ง ครูสุชาติ เทียนทอง ก็รับเขาและได้แต่งเพลงให้ร้องหลายเพลง และหากว่ายามใดที่มีทุนทรัพย์ ครูก็พาลูกศิษย์เข้าห้องอัดเสียงด้วย ถ้าไม่มีก็หยุดไปก่อน

รักชาติ ร้องเพลงของสุชาติอยู่หลายเพลง เริ่มตั้งแต่ "แขกจ๋า" และ "ตุ๋ยโฮเตล" ในชื่อ รักชาติ ชัยมงคล แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ต่อมามีนักร้องในยุคเดียวกันบันทึกเสียงชื่อ ศิริ ชัยมงคล ซึ่งอาจารย์สุชาติกลัวว่าชื่อ รักชาติ ชัยมงคล ถ้าดังขึ้นมาชื่อจะมีปัญหาให้คนสับสน (เหมือนที่แฟนเพลงสับสนกับชื่อของ สายัณห์ สัญญา กับสัญญา พรนารายณ์) จึงเปลี่ยนชื่อใหม่อีกเป็น สันติ ศิริชัย ร้องมาหลายเพลงแต่ก็ไม่ดังเสียที

จนมาถึงเพลงสุดท้ายที่ ครูสุชาติ เทียนทอง ได้เอ่ยตกลงกันว่า "ถ้าไม่ประสบความสำเร็จอีก ก็คงต้องล้มเลิกการผลักดัน" และ 2 เพลงสุดท้ายที่ครูเขียนให้คือ สุขเถิดบัวคำ กับ ฉันทนาที่รัก นั้นก็ทำให้ รักชาติ ศิริชัย โด่งดังเป็นพลุแตก เพราะมันคือเพลง "ฉันทนาที่รัก" ซึ่งเป็นเพลงยุคแรกๆ ที่กล่าวถึงชีวิตของสาวโรงงาน กับข้อความอันเป็นปริศนาในเพลง ที่บอกว่า "ปิดไฟใส่กลอน จะเข้ามุ้งนอนคิดถึงใบหน้า นั่งเขียนจดหมาย แล้วรีบทิ้งไปโรงงานทอผ้า" ซึ่งจนถึงปัจจุบันก็ยังไม่ชัดเจนว่า ปิดไฟแล้วจะเขียนจดหมายได้อย่างไร? (รักชาติเล่าว่า เพลงนี้อาจารย์สุชาติตั้งใจให้เพลงนี้เป็นคำถามของคนทั่วไป รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ให้เป็นคำปุจฉาของวงการ ไม่ยอมเปลี่ยนเนื้อร้องปล่อยให้เป็นอย่างนี้ )

rakchart 04

จากความสำเร็จของเพลง "ฉันทนาที่รัก" รักชาติ ศิริชัย ได้รับการสนับสนุนจากหมอเอื้อ อารีย์ เจ้าเก่า มาเป็นนายทุนให้ (บริษัท เสกสรรเทปและแผ่นเสียง) ยิ่งทวีความดังมากขึ้นไปอีกจากผลงานเพลง สุดฮิต อย่าง "รักข้ามคลอง" และ "ฉันทนาใจดำ" ความดังของเขา ทำให้มีการฉวยโอกาส ตั้งวงดนตรีชื่อ "ฉันทนาที่รัก" ออกเดินสายทั่วประเทศ มีคณะลิเกชื่อคณะ รักชาติ ศิริชัย ที่เล่นเรื่อง "ฉันทนาที่รัก" และคำว่า "ฉันทนา" ถูกใช้แทนความหมายของเหล่าบรรดาสาวโรงงาน จวบจนถึงปัจจุบัน

รักชาติ ศิริชัย สารภาพถึงเรื่องราวที่ผ่านมากว่า 30 ปีที่แล้ว ว่า “ผมเป็นนักร้องอยู่ในวงของครูสุชาติ เทียนทอง อยู่หลายปี เริ่มมีชื่อเสียงบ้างแต่ยังไม่โด่งดัง จนปี พ.ศ. 2520 มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น ทำให้ผมเสียใจมาก ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนกับเด็กๆ เพราะมีข่าวลือว่าผมจะออกไปตั้งวงดนตรีเองกับช่างไฟ ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลย เรื่องการออกไปตั้งวงเองไม่เคยอยู่ในหัวผม ครูก็บอกว่าไม่เป็นไร ไว้เดินสายเชียงใหม่เสร็จแล้วค่อยคุยกัน ผมทั้งเสียใจและน้อยใจมาก ที่ทำดีแต่ไม่มีใครเห็น

หลังจากนั้นมา พอกลับมาที่กรุงเทพฯ ก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้อีก และผมก็พิสูจน์ตัวเองคืออยู่กับครูตลอด ไม่ไปไหน จนวันหนึ่งครูก็มายื่นเพลง “ฉันทนาที่รัก” ให้ และบอกว่า 'ถ้าไม่ดัง ก็เลิกทำแล้วนะ' แล้วเพลงนี้ก็ออกมาดังจริง ดังจนถึงทุกวันนี้ ตอนนั้นที่เพลงฉันทนาที่รักดังมาก มีนายห้างมาติดต่อให้ผมไปอยู่ด้วยผมก็ไม่ไป เพราะถือเป็นข้อพิสูจน์ว่า "เราไม่เนรคุณครู" เราอยู่กับครูตลอดจนเลิกวง ทุกวันนี้ผมเริ่มมาคิดได้ว่า สงสัยว่าเหตุการณ์วันนั้น อาจจะเป็นการลองใจเรา

ฉันทนาที่รัก - รักชาติ ศิริชัย

แต่หลังจากนั้น ความนิยมของรักชาติก็ค่อยๆ ลดลง ปี 2536 รักชาติหันไปผลิตผลงานเพลงหมอลำออกมาชุดหนึ่ง ชื่อว่า "อดีตรักฉันทนา" แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก

ปี 2550 รักชาติ ศิริชัย ได้ปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ ด้วยการสลัดเครื่องแต่งกายแบบลูกทุ่ง หันไปออกผลงานเพลงแนวเพื่อชีวิต ชื่อชุด "รักชาติเพื่อชีวิต 1" ในขณะที่เนื้อหาของเพลงก็เป็นสำเนียงปักษ์ใต้เสียเป็นหลัก เคยร่วมแสดงภาพยนตร์ชีวิตของชาวเพลงลูกทุ่ง เรื่อง มนต์เพลงลูกทุ่ง เอฟ.เอ็ม. (พ.ศ.2545) ของเสี่ยแหบ วิทยา สุภพรโอภาส นักจัดรายการวิทยุชื่อดัง

รางวัลเกียรติยศ

  • แผ่นเสียงทองคำพระราชทาน เพลงยอดนิยมลูกทุ่งชาย พ.ศ. 2522
  • โล่ห์พระราชทาน งานกึ่งศควรรษลูกทุ่งไทย ครั้งที่ 1

rakchart 05

รักชาติ ศิริชัย นักร้องเจ้าของเสียงเพลง “ฉันทนาที่รัก" เข้ากรุง ยึดอาชีพเสริมขายทุเรียน สับปะรด พร้อมรับงานร้องเพลง สุ้มเสียงยังเป๊ะเพราะออกกำลังกายแบกยกทุกวัน “ตอนนี้ผมมาทำอาชีพขายผลไม้อยู่ที่ตลาดนัดในกรุงเทพฯ ปกติผมอยู่อุตรดิตถ์ อำเภอท่าปลา บ้านของภรรยา พอลงมาทำงานร้องเพลงในกรุงเทพฯ ก็จะเอาสับปะรดบ้าง ทุเรียนบ้างลงมาขาย ทุเรียนหลงลับแลแท้ๆ ผมขายกิโลกรัมละ 300-400 บาท แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยมีแล้ว ก็เลยขายสับปะรด เป็นของห้วยมุ่น อุตรดิตถ์ กับสับปะรดภูแล ของเชียงราย ผมขายทุกวันเลย เปลี่ยนไปตามตลาดเรื่อยๆ หลายตลาด บางครั้งก็ไปขายตรงร้าน ป.กุ้งเผา ปิ่นเกล้า ซึ่งเป็นตลาดนัดประจำ ผมจะไปวันเว้นวัน บางทีก็ไปขายที่ซอยพาณิชย์ธน”

นักร้องเจ้าของเสียงเพลง “รักข้ามคลอง” กล่าวต่ออย่างคล่องแคล่วถึงอาชีพค้าขายที่เจ้าตัวภูมิใจ เพราะเป็นอาชีพสุจริตว่า “ผมขายกับภรรยา ผมปอกสับปะรดเองเลย ขายเป็นกิโล ปอกก่อนชั่ง ถ้าเป็นภูแลกิโลละ 100 บาท ส่วนห้วยมุ่น กิโลกรัมละ 30 บาท ขายหมดบ้างไม่หมดบ้าง เพราะเอามาทีหนึ่งเยอะ ขนใส่รถปิกอัพ แล้วเอามาตั้งขาย ผมไม่ได้ขึ้นป้ายเป็นชื่อผม แต่ขึ้นป้ายชื่อสับปะรด มีแฟนเพลงเขาก็จำได้บ้าง เขาถามผมก็บอกไป บางทีเจอพวกตลก นักดนตรีมาขายของก็คุยกัน กลายเป็นเพื่อนพ่อค้าแม่ขายด้วยกัน บางคนก็ถามใช่หรือเปล่า บางคนก็แซวว่า ต้องร้องเพลงไปด้วยขายไปด้วย (หัวเราะ)

rakchart 06

เมื่อก่อนไม่เคยค้าขาย เคยแต่ทำนา “ก่อนเข้าวงการ ผมไม่เคยค้าขายนะ ผมทำนาเลี้ยงควายที่ขอนแก่น เพิ่งจะมาทำตอนมีครอบครัวนี่แหละ ก่อนนั้นก็เคยขายอาหารตามสั่งแถวจรัลฯ ซอย 8 งานร้องเพลงก็รับอยู่ไม่ได้ทิ้ง ช่วงว่างก็ขายของ แต่ช่วงนี้งานน้อยลงทุกที ก็เลยมาขายของ ส่วนเพื่อนนักร้องที่มาขายของเท่าที่ทราบก็มี ชัชชัย ชัชวาลย์ เจ้าของเพลง “มอเตอร์ไซค์หุ้มทอง” ที่ขายพวกเครื่องสำอางตามตลาดนัด เคยเจอกันตามงานร้องเพลงครับ”

สำหรับเพลงชุดล่าสุด นักร้องรุ่นกึ่งศตวรรษเพลงลูกทุ่งไทย เล่าอย่างละเอียดว่า ตนเองได้มีส่วนแต่งเพลงด้วย

“งานล่าสุด ทำเพลงเองขายหน้าเวที ชื่อชุด “รักชาติยูเทิร์น” มีเพลง ฉันทนาที่รัก โชคดีน้องแดง ฉันทนาใจดำ สาวอุดรใจดำ รักข้ามคลอง เหล้าจ๋า เพราะคุณคนเดียว จากกันที่จันทบุรี ไอ้หนุ่มมอเตอร์ไซต์ โดยมี แหลมทอง บัวไทย ทำดนตรี และมีเพลงใหม่ คือ “ปลอบใจแม่หม้าย” “หลอกกันทำไม” “ห่วงสาวชาวนิคม“ เพลงนี้ พูดถึงสาวนิคมอุตสาหกรรม ผมแต่งเนื้อร้องเอง ผมหัดแต่งเพลงมาตั้งแต่บ้านนอก เคยแต่งเพลงให้แสงสุรีย์ รุ่งโรจน์ ชื่อเพลง “ของเล่นเศรษฐี” ใช้ชื่อว่า ช. ศิริชัย แต่งให้ สันติ ดวงสว่าง เพลง “เกตุแก้วใจดำ“ กับ ”บังอรลืมนา” ตั้งแต่เขาอยู่อาร์เอส แต่เป็นเพลงที่ไม่ค่อยได้เชียร์ ตอนที่ผมร้องเพลงหมอลำ ผมก็แต่งเนื้อร้อง 5 กลอน ชื่อชุด “อดีตรักฉันทนา” ผมก็ได้วิชามาจาก ครูสุชาติ เทียนทอง ครูก็แนะ และบอกให้กำลังใจให้ทำให้ได้ และเป็นตัวแทนให้ได้ อย่างเพลงแก้ “รักข้ามคลอง” ครูก็ให้ผมลองแต่ง ให้ จำปา เมืองวิเชียร ร้อง ครูเขาก็ช่วยปรับแก้ให้ และก็มีเพลง “สายน้ำมรณะ” ผมเขียนท่อนเกริ่นหมอลำ อาจารย์สุชาติ ก็เขียนเนื้อไทยต่อ”

แรงงาน แรงใจ ในเพลงลูกทุ่ง - รายการสารพันลั่นทุ่งบางเขน ThaiPBS

นักร้องลูกทุ่งสู้ชีวิต กล่าวถึง อนาคตที่เจ้าตัวคิดไว้และฝากทิ้งท้ายถึงแฟนเพลง “ลูกชายของผม อายุ 22 ปี เรียนที่พาณิชยการ ราชดำเนิน ก็ร้องเพลง เล่นดนตรี เคยเล่นอยู่ตามร้านอาหารอยู่พักนึง แต่ตอนนี้มาทำงานอยู่บิ๊กซี ลูกชายคนเล็กก็ไปทำงานภูเก็ต ตอนนี้ผมก็อยู่กันสองคนกับตายาย วางแผนในชีวิตว่า จะค้าขาย ควบคู่ไปกับการร้องเพลง ก็ต้องทำสองอย่างนี่แหละ ทำเท่าที่ทำได้ สุขภาพโดยรวมก็ดี แต่ปัญหาเรื่องขาปวดขา ปวดหลังเป็นมาร่วมสิบปี เพราะเคยไปช่วยเขายกเสาไฟฟ้า ที่สถานีวิทยุที่ขอนแก่น สมัยที่อยู่ขอนแก่น แล้วกระดูกหัก ตอนนี้ ผมยังรับงานร้องเพลงเหมือนเดิม ส่วนผลงานชุด ”รักชาติยูเทิร์น” ซื้อได้ที่หน้าเวทีอย่างเดียว ที่แผงสับปะรด ไม่มีซีดีขายนะครับ(หัวเราะ) เจ้าภาพหรือแฟนเพลงที่จะติดต่องานเชิญได้ที่ 08-1909-7693 ครับ แต่ผมไม่ได้เล่นไลน์และเฟซบุ๊กครับ เพราะเล่นไม่เป็นครับ”

rakchart 01

เคยลงเล่นการเมืองในการเลือกตั้งล่าสุด 2562 ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ เขต 2 พรรคประชาธรรมไทย ในเขตอำเภอท่าปลา ที่มีภูมิลำเนาอยู่กับภรรยา แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ

กว่าจะมาเป็นรักชาติ ศิริชัย โดย อาวแท็กซี่

ปัจจุบัน มาเป็นนักจัดรายการวิทยุอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ และได้รับมอบหมายให้ดูแลค่ายเพลงชื่อ ไทยคัวมิวสิก ติดต่องานการแสดงได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 08-1909-7693 และมาฟังผลงานล่าสุดเพลง "พรรษาเดียว ก็เบี้ยวกัน" ผลงานการประพันธ์คำร้อง/ทำนอง ขับร้องโดย รักชาติ ศิริชีย

พรรษาเดียว ก็เบี้ยวกัน : รักชาติ ศิริชีย

redline

backled1

looktung morlum artists

kwanchai 01ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด

ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด มีชื่อ-นามสกุลจริงตามบัตรประชาชนว่า สุรชัย โสธรวงศ์ มีชื่อเล่นว่า อ๊อด เกิดเมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2495 เป็นชาวตำบลดงแดง อำเภอจตุรพักตรพิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด เป็นบุตรของนายจันทร์ และนางจันทร์ โสธรวงศ์ (พ่อ-แม่ชื่อเดียวกัน) มีพี่น้องร่วมอุทร 8 คน เป็นคนที่ 2 จบการศึกษาชั้น ม.ศ.3 โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย

หลังจบการศึกษาแล้ว ก็เดินหน้าสู่วงการศิลปินบันเทิงทันที ด้วยพรสวรรค์ที่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ร้องเพลงเก่ง เสียงดีมาแต่เกิด เป็นนักร้องประจำโรงเรียนที่ครูบาอาจารย์ทุกคนภูมิใจ แต่ส่วนหนึ่งของความฝันเขาอยากเป็น "ตำรวจ" ไปสมัครสอบแต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะส่วนสูงไม่ถึงเกณฑ์

การเดินทางสู่ถนนบันเทิง

เมื่อไม่สามารถเป็นตำรวจได้ ก็มุ่งหน้าเดินล่ารางวัลจากเวทีประกวดนักร้องทันที เคยไปขึ้นเวทีประกวดนักร้องที่ อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย แต่ตกรอบผิดหวังมาก ทำอะไรไม่ถูก เคว้งคว้าง โชคยังดีที่เจอ "เสน่ห์ มนต์อิสาน" ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้า ที่ได้นำเขาไปฝากให้อยู่กับวงดนตรีหมอลำของ "ฉวีวรรณ ดำเนิน" ในช่วงต่อมา "รุ่ง โพธาราม" เจ้าของเพลง "ลาสาวโพธาราม" ก็มีโอกาสได้มาร่วมวงกับ ฉวีวรรณ ดำเนิน ด้วย ทั้ง เสน่ห์ มนต์อีสาน และรุ่ง โพธาราม เห็นแววนักร้องของขวัญชัย จึงพาไปสมัครอยู่วงดนตรี เพชร โพธาราม แต่ตำแหน่งนักร้องเต็มเสียก่อน เลยต้องรออีกระยะหนึ่ง

จนได้มาเจอกับ นเรศ จงกมลไพร ซึ่งให้การช่วยเหลือด้วยการพาไปอยู่กับวง ก้อง กาจกำแหง หัวหน้าวงดนตรี นักแต่งเพลง และนักจัดรายการวิทยุชื่อดัง ครูก้องก็รับขวัญชัยไว้ในวง เขาอยู่กับครูก้องกว่า 1 ปี โดยทำงานทุกอย่าง แต่ก็ยังไม่ได้บันทึกเสียง จนขวัญชัยเริ่มท้อ

kwanchai 03

ชีวิตพลิกผันพิสดารตลอดเวลา เหมือนพระเจ้าไม่ค่อยเข้าข้าง หรือไม่ก็แกล้งลองความอดทน ได้อยู่วงครูก้องแต่ไม่มีอนาคตเท่าไหร่ จนไปเข้าห้องน้ำแล้วแหกปากร้องเพลงด้วยความอัดอั้น ผู้ใหญ่ที่อยู่ในวงได้ยินเลยไปบอกครูก้องว่าเสียงดีใช้ได้ เพื่อจะได้โอกาสไปจับฉลากว่าใครจะได้อัดแผ่นเสียงบ้าง โชคไม่ดีดันจับไม่ได้อีก

ร้องแทนเพื่อนแต่กลับดัง

จนวันหนึ่งประมาณปี 2519 ครูก้อง กาจกำแหง จะบันทึกเสียงเพลง "จดหมายเป็นหมัน" ซึ่งในวงดนตรีมีกฎกติกาว่า นักร้องในวงจะต้องจับฉลากว่า ใครจะได้บันทึกแผ่นเสียง ปรากฏว่า คนอื่นโชคดีเป็นผู้จับฉลากได้ แต่เมื่อไปบันทึกเสียงออกมาแล้ว ก็ร้องไม่ได้อย่างที่ครูก้องต้องการ ครูก้องจึงได้เรียกขวัญชัยมาลองร้องบันทึกแผ่นเสียงลองดู ขวัญชัยนั้นร้องโดยไม่มีความกดดันอะไรเพราะไม่ใช่ตัวเลือก แค่มาลองร้องดูเท่านั้น ปรากฏว่า การบันทึกเสียงครั้งนี้ผ่านฉลุยเป็นที่ถูกใจของครูก้อง กาจกำแหง ผลก็คือเพลง "จดหมายเป็นหมัน" ดังในชั่วข้ามคืน และเป็นการใช้ชื่อ "ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด" เป็นครั้งแรก

จดหมายเป็นหมัน - ขวัญชัย เพชรร้อยเ้อ็ด

พอเพลง "จดหมายเป็นหมัน" ดัง ครูก้อง กาจกำแหง ก็เปลี่ยน วงดนตรีก้อง กาจกำแหง เป็น วงขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด ได้ร่วมงานดนตรีอยู่กับครูก้องได้ 3 ปีก็แยกทางกัน เนื่องจากครูก้องต้องการแต่งเพลงเพียงอย่างเดียว ไม่มีเวลามาดูแลวงดนตรีให้ (ช่วงนั้นครูก้อง กำลังมุ่งสร้างเพลงให้กับ สายัณห์ สัญญา) ขวัญชัยจึงออกไปตั้งวงดนตรีเอง

วงดนตรีของขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด ประสบอุบัติเหตุครั้งรุนแรงจากการเดินสายบ่อยครั้งมาก (ประมาณ 5 – 6 ครั้ง) คือเริ่มกันตั้งแต่ตั้งวงนั่นทีเดียว และครั้งหนึ่งก็ทำให้ตัวหัวหน้าวงถึงกับสลบ กระดูกขาแตกจนต้องดามเหล็ก ส่วนครั้งสุดท้ายที่เชียงใหม่นี่ถือว่าหนักที่สุด เมื่อรถของชาวคณะประสานงากับรถสิบล้อ มีผลทำให้ ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด ถึงกับเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ แต่ก็ได้หมอดีรักษาจนกลับมาเดินได้อีกครั้ง

kwanchai 02

นักร้องร่วมยุคเดียวกัน : ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด - เทพพร เพชรอุบล - ศักดิ์สยาม เพชรชมพู

ชีวิตครอบครัว

ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด มีภรรยาชื่อ กลอย พร้อมพ่วง หรือ ดวงใจ บรรพตพิสัย เจ้าของเพลง "รอพี่กลับใต้" ซึ่งร้องแก้กับเพลง "ลาก่อนเมืองใต้" ที่ขวัญชัยขับร้องไว้ ทั้งสองมีธิดาด้วยกัน 2 คน คือ เบนจา โสธรวงค์ และนิตยา โสธรวงค์

เส้นทางวิบากบนเวทีลูกทุ่ง

ต่อมาปี 2524 ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด ตั้งวงดนตรีอีกครั้ง และประสบความสำเร็จอีกครั้งจากเพลง คนร้อยเอ็ด, ยกเมียให้เพื่อน ตะวันแดงแทงใจ, รักอันตราย ฯลฯ แต่ก็ยังเจอกับอุบัติเหตุทางรถยนต์อีกที่จังหวัดนนทบุรี ชีวิตเขาแขวนอยู่บนเส้นทางมัจจุราชตลอด เป็นนักร้องคนเดียวและวงดนตรีเดียวที่ประสบอุบัติเหตุมากที่สุด และทุกครั้ง ขวัญชัย เจ็บหนักทุกที กระดูกขาแตกต้องดามเหล็ก เกือบเป็นอัมพาต รถชนครั้งแล้ว ครั้งเล่า เป็นหัวหน้าวงที่หยุดวงบ่อยที่สุด เพราะรถชนรถคว่ำเกือบ 10 ครั้ง

kwanchai 04

ทำให้เขาเริ่มดื่มหนักมากขึ้น จนต้องเข้าบำบัดรักษาในโรงพยาบาล ทำให้ในที่สุดก็ต้องเลิก วงดนตรีขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด ไปโดยปริยาย และเมื่อรักษาตัวจนหายเขากลับมาร้องเพลงอีกครั้ง โดยเข้าไปร่วมกับวงดนตรีของ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ในฐานะนักร้องลูกวง แต่จากสุขภาพที่ไม่แข็งแรงจากอุบัติเหตุ และการดื่มเหล้าจัด ทำให้เขาเสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2528 จากโรคประจำตัว ขณะมีอายุ 32 ปี 7 เดือน 24 วัน

kwanchai 05

คนร้อยเอ็ด - ขวัญชัย เพชรร้อยเอ็ด

redline

backled1

looktung morlum artists

ae pojana 01เอ๋ พจนา

เอ๋ พจนา มีชื่อ-นามสกุลจริงว่า นายทำนอง คำใบ มีชื่อเล่น เอ๋ ชื่อในวงการ เอ๋ พจนา ฉายา "ลูกทุ่งเสียงเสน่ห์" เกิดเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2512 มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่ อำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ แต่อพยพตัวเองไปอยู่ที่เมืองกาญจนบุรี จนหลายคนเข้าใจว่าเป็นคนเมืองกาญจน์ไปแล้ว ในครอบครัวมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นลูกชายคนโต เรียนหนังสือน้อย จบแค่ประถมศึกษาปีที่ 4 เท่านั้น เพราะความที่เป็นพี่คนโตจึงมีภาระต้องดูแลน้องๆ อีก 4 คน อาชีพก่อนได้เป็นนักร้อง เคยขึ้นสังเวียนเป็นนักมวยไทยอยู่ 2-3 ปี โดยใช้ชื่อว่า “เด่นชัย สายสุรินทร์”

ด้วยการที่มีความรักในการร้องเพลง หลงไหลการขับร้องใช้เสียง จึงไปเรียนไปฝึกเป็น "หมอลำ" มาก่อน จนสามารถเล่นหมอลำได้ เข้าสู่วงการบันเทิง เมื่อ พ.ศ. 2531 ด้วยการเป็นหมอลำ "ลำเรื่องต่อกลอน" หรือที่เมื่อก่อนทางแถบสุรินทร์ บุรีรัมย์ เรียกกันว่า "ลิเกลาว" ก็แสดงเป็น ตัวพระเอก

จนได้มาเจอกับ อาจารย์กิ่ง กรกช ซึ่งได้รับไว้เป็นศิษย์และเขียนเพลงให้ร้อง โดยชุดแรกเป็นหมอลำชื่อชุด "สงครามรัก" ไม่ค่อยมีชื่อเสียงมากนัก อยู่ในราวๆ ปี พ.ศ.2532 ถัดจากนั้นอีกไม่นาน ก็ได้ออกอัลบั้มเพลงในแนวลูกทุ่งมาอีก นั่นคือชุด "เราหรือคือทางผ่าน" โด่งดังจนตั้งตัวรับแทบไม่ทันเลยทีเดียว

เราหรือคือทางผ่าน - เอ๋ พจนา

อาจารย์กิ่ง กรกช เป็นคนให้โอกาสผมได้มาเป็นนักร้อง ตอนนั้นอาจารย์แกจัดรายการวิทยุอยู่ที่ สถานีวิทยุยานเกราะ บางกระบือ ผมฟังรายการแกอยู่ เลยโทรหาแกว่า ผมอยากเป็นนักร้อง แล้วเอาเสียงร้องที่ผมบันทึกไว้มาให้แกฟัง ก็อยู่กับอาจารย์กิ่งมาประมาณ 4-5 ปีถึงได้อัดเพลงชุดแรก เป็นแนวหมอลำชื่อชุด "สงครามรัก" ตอนนั้นผมยังใช้ชื่อ "อัมพร พจนา" อยู่ พอชุดต่อมาแกไม่มีทุนจะทำ เลยฝากผมมาอยู่กับพ่อคำเกิ่ง ทองจันทร์" เอ๋ พจนา ย้อนเล่าถึงอาจารย์ที่สร้างชีวิตใหม่ให้

ae pojana 02

นอกจาก อาจารย์กิ่ง กรกช แล้วเขายังได้รับการดูแลจาก อาจารย์คำเกิ่ง ทองจันทร์ อดีตนักร้องหมอลำลือชื่อ จนต่อมาได้เข้ามาอยู่ในสังกัด ทองจันทร์โปรโมชั่น มีผลงานโด่งดังไม่น้อย อาทิ แท็กซี่ใจลอย, หนุ่มลาวสาวจีน, แหวนทองสองสลึง ฯลฯ นักร้องดังร่วมสมัยด้วยกันในสังกัด ทองจันทร์โปรโมชั่น ประกอบด้วย เสียงพิณ ถิ่นอีสาน, สาธิต ทองจันทร์, เดือนเพ็ญ อำนวยพร, ชาญชัย จาตุรงค์ และเอ๋ พจนา

satit thongchan 04

อาจารย์คำเกิ่ง ทองจันทร์ ได้ตั้งวงดนตรีให้ และออกตระเวนสร้างความสุขให้ผู้คนมานานพอควร แต่ที่สุดก็ยุบวงแล้วหันมาเป็นนักร้องรับเชิญแทน เป็นนักร้องที่มีมารยาทดีเยี่ยม สุภาพอ่อนน้อม พูดจาดี จนหลายคนตั้งฉายาให้ว่า "ไอ้หนุ่มเสียงเสน่ห์ เอ๋ พจนา"

ae pojana 03

ไม่เคยหยุดนิ่งอยู่กับที่ ขยันคิด ขยันทำตลอดนอกจากร้องเพลงเก่งแล้ว ยังมีหัวสมองทางงานด้านเกษตร เคยทำฟาร์มเลี้ยงแย้ เคยทำฟาร์มไก่ชน เลี้ยงแย้ แย้ก็คลานหนีเข้าป่าไปเรียบ เลี้ยงไก่ก็เจอไข้หวัดนก ทำบาปไม่ขึ้น สวรรค์สั่งมาให้ร้องเพลงอย่างเดียว รักน้องชายมาก ส่งเสริมน้องจนเป็นนักร้องได้อีกคนคือ "ทอง ดวงอารีย์" หรือ "โอ๋ พจนา" นั่นเอง อาชีพปัจจุบัน เปิดฟาร์มเลี้ยงไก่ชนกับน้องชาย ทำค่ายเพลง "พจนา เรคคอร์ด" กับทำเครื่องสำอางชื่อ เอมุก

ae pojana 04

ไม่ได้หายไปไหน “เอ๋ พจนา” ลูกทุ่งอีสานคนดัง ยังมีงานคอนเสิร์ตแทบทุกวันแถบอีสาน แถมผุดค่าย พจนา เรคคอร์ด ลงทุนเอง ไม่เท่านั้นรุกขายเครื่องสำอางแบรนด์ เอมุก ขายดีบุกตลาดฮ่องกง ใกล้เป็นเสี่ยเต็มที “เอ๋ พจนา” เผยว่า “ตอนนี้คอนเสิร์ตมีตลอดเกือบทุกวัน ไปทุกภาค อีสานจะเยอะครับ ซิงเกิ้ลล่าสุดก็ เสียแรงไว้ใจ หมอลำทางช่องยูทูป เอ๋ พจนา อีกเพลงสไตล์รถแห่ ม่วนกุ๊ปทีป ได้นักแต่งรุ่นใหม่ เพลงแบบนี้เราแต่งไม่ถนัด ร้องได้ ให้พล็อตเรื่องน้องไป และผมเปิดค่าย "พจนา เรคคอร์ด" เพิ่งทำครับ นักร้องจะมีน้องชายคือ "โอ๋ พจนา" และมีนักร้องเด็ก 8-9 ขวบ 3 คน ไข่มุก, แต๊งกิ้ว ลูกต๋อง ชวนชื่น อีกคน "จริงจัง ไมค์ทองคำ" ชื่อเพลง จริงๆ ตะลิงจริงจัง สนุกสไตล์น่ารักๆ ครับ”

เสียแรงไว้ใจ : เอ๋ พจนา

ทำค่ายเองต้องดูแลหมด? “ครับผมดูหมด คัดเพลง โปรดิวซ์ ดนตรี และตอนนี้ทำบริษัทเครื่องสำอาง ชื่อ เอมุก ขายสบู่ส้ม สบู่องุ่น สครับใบหน้า ครีมกันแดด ครีมหน้าใสพวกนี้ ทำมาหลายปี ขายออนไลน์ ตามร้าน และไปขายฮ่องกง มา 2 ปีแล้ว โอเค.แล้วใช้ดีครับ มีอย. ไม่มีไขมันสัตว์เจือปนครับ”

ae pojana 05

ยอดขายดีไหม? “ยอดขายพอไปได้ ผมทำคนเดียว หน้าเวทีก็ขายดี ขายไม่ทันเลย ร้องไปขายไปราคากันเองครับ แรกอาจจะเป็นอาชีพเสริม ต่อไปอาจจะเป็นอาชีพหลักแล้วล่ะ มีคนถามเป็นเสี่ยรึยัง ผมบอกสาธุขอให้สมพรปากครับ” เอ๋ พจนา เจ้าของเพลงดัง “แท็กซี่ใจลอย” กล่าวปิดท้าย

รายการ เพชร 300 : เอ๋ พจนา นำทีม

ติดตามข่าวคราวของ เอ๋ พจนา ผ่านทาง facebook : เอ๋ พจนา

redline

backled1

looktung morlum artists

somjit bortong 02สมจิต ทองบ่อ

เจ้าของฉายา “หนุ่มหมอลำนาฏศิลป์ยอดฮิต”

นายสมจิต ทองบ่อ หรือชื่อในวงการว่า “สมจิตร บ่อทอง” เกิดเมื่อวันที่ 21 มกราคม พุทธศักราช 2507 ที่บ้านคำเตย ตำบลส้มผ่อ อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธธานี (ปัจจุบันคือตำบลคำเตย อำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร) เป็นบุตรคนที่ 7 จากพี่น้องทั้งหมด 9 คน ของนายบุญทัน และนางจันทร์ ทองบ่อ สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนกุดชุมวิทยา อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร

นายสมจิต ทองบ่อ เป็นผู้ที่มีความกตัญญู ช่วยเหลือครอบครัวตั้งแต่เยาว์วัย เมื่อว่างเว้นจากการทำการเกษตร ก็มักใช้พรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ช่วยเหลือสังคมโดยการขับร้องเพลงลูกทุ่ง หมอลำ ในงานบุญ และงานกิจกรรมต่างๆ ของโรงเรียนและชุมชนเสมอมา แต่ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะยากจน จึงขาดโอกาสในการเรียนต่อ จึงต้องออกมาช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัวโดยการทำนา และในยามที่ว่างเว้นจากฤดูกาลทำนา สมจิต ทองบ่อ ก็ไม่ได้ปิดกั้นความสามารถของตน แต่กลับมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ ที่จะทำตามฝันของตนให้เป็นจริง

กล่าวเฉพาะด้านศิลปะการแสดง นายสมจิต ทองบ่อ (สมจิตร บ่อทอง) ได้ศึกษานาฏศิลป์ไทยจาก อาจารย์บรรจง บุญทวี และอาจารย์เพ็ญศรี เพิ่มพูน แห่งโรงเรียนบ้านคำเตย ได้รับความรู้ด้านหมอลำจากครูผู้เชี่ยวชาญหลายท่าน เป็นต้นว่า อาจารย์บุญเลิศ พรมชาติ แห่งคณะหมอลำรุ่งตะวันสีทอง อาจารย์ดาว บ้านดอน แห่งบริษัทชัวร์ออดิโอ จำกัด อาจารย์สมจิตต์ เพชรสังหาร แห่งคณะหมอลำเรื่องต่อกลอนทำนองขอนแก่น คณะแก่นนครบันเทิงศิลป์ อาจารย์เทพพร เพชรอุบล อาจารย์เฉลิมพล มาลาคำ อาจารย์สุดโก้ เจียระไน และอาจารย์ก้อง บ้องตื้น แห่งบริษัท เอ็มดี จำกัด จนนายสมจิต ทองบ่อ (สมจิตร บ่อทอง) สามารถแต่งเพลง เขียนกลอนลำ และเขียนบทละครหมอลำเรื่องต่อกลอนเป็นเรื่องหลายเรื่องได้ด้วยตนเอง

somjit bortong 05

การเข้าสู่วงการบันเทิง

สมจิต บ่อทอง ได้ไปสมัครเป็นหมอลำกับ "คณะรุ่งตะวันสีทอง" ในฐานะตัวแสดงประกอบ ต่อมาหัวหน้าคณะ (คุณครูบุญเลิศ พรมชาติ) เห็นแววความสามารถ จึงให้เล่นบทพระเอก โดยใช้ชื่อว่า “สมจิตร แสงชัย” และในปีพุทธศักราช 2532 ดาว บ้านดอน ได้ชักชวนสมจิตรให้เข้าเป็นศิลปินสังกัด ชัวร์ออดิโอ แต่ยังคงรับงานในคณะหมอลำรุ่งตะวันสีทอง และเปลี่ยนชื่อจาก สมจิตร แสงชัย เป็น “สมจิตร บ่อทอง”

ในปี 2533 ได้ทำให้วงการเพลงลูกทุ่งหมอลำสะท้านสะเทือนไปทั่ววงการ ด้วยการออกอัลบั้มชุดแรก “กุหลาบแดง” จนเป็นที่โด่งดัง กับค่ายชัวร์ออดิโอ และสร้างชื่อเสียงให้ผู้คนได้รู้จัก สมจิตร บ่อทอง อีกทั้งบทเพลง "กุหลาบแดง" ในทำนองลำเพลิน ก็ยังมีศิลปิน นักร้อง ชื่อดังมากมายนำมาขับร้องจนถึงปัจจุบัน เป็นเพลงที่นักร้องคนไหนนำไปร้องโชว์ก็เพราะทุกคน

กุหลาบแดง - สมจิตร บ่อทอง

"เพลงนี้ได้แต่งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2529 คือ แต่งตอนอยู่ในนากำลังเกี่ยวข้าวอยู่ แต่งจากความรู้สึกของตัวเองจริงๆ เพราะตอนนั้นเริ่มมีความรักใหม่ๆ ซึ่งกลอนลำนี้เขียนง่าย และเขียนเสร็จเร็ว นึกออกก็มาเขียนเอาไว้ เพลงนี้เป็นแนวกลอนลำเพลิน ได้แรงบันดาลใจมาจากตัวผมเองที่กำลังมีความรักอยู่อินมาก เป็นความรักแบบลูกทุ่งๆ พอดีช่วงนั้นเพลงของพี่เป้ากำลังดัง ผมเลยเอาตรงนั้นมาแต่งแล้วใส่ทำนองหมอลำเข้าไป ต่อมา อาจารย์ดาว บ้านดอน มาเปลี่ยนเป็นจังหวะหมอลำทั้งหมด เพราะเขาอยากให้แฟนเพลงเต้นได้แบบต่อเนื่อง มันเป็นเพลงที่อยู่คู่กับหมอลำมานาน ตอนนั้นไม่คิดว่ามันจะดังขนาดนี้ พูดง่ายๆ เลยว่าดังจนเหลือเชื่อสุดๆ เพราะมีคนเอาไปร้องตามร้านอาหาร ตามวงหมอลำ พูดได้ว่าแทบทุกวงเอาไปร้อง ไม่ว่าจะเป็นลำกลอน ลำซิ่ง ลำเรื่องต่อกลอน และไม่ว่าใครจะเอาไปร้องมันก็ฟังแล้วม่วนสุดๆ" สมจิตร เล่าถึงที่มาของเพลง "กุหลาบแดง" ซึ่งกลายเป็นเพลงประจำตัวของเขา และเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา หลังจากที่อยู่ในสังกัดชัวร์ออดิโอมาเป็นเวลา 8 ปี ในปี พ.ศ. 2541 จึงได้ย้ายมาอยู่สังกัด เอ็มดีเทป

ปี พ.ศ.2540 ได้ร่วมงานกับคณะแก่นนครบันเทิงศิลป์ จนถึงปีพ.ศ.2552 เป็นเวลา 14 ปี

พ.ศ. 2553 ได้แยกตัวออกมาจากคณะแก่นนครบันเทิงศิลป์ เพื่อทำคณะหมอลำเรื่องต่อกลอนทำนองขอนแก่นของตนเอง ชื่อ “คณะสมจิตร บ่อทอง” เดินสายแสดงคอนเสิร์ตทั่วประเทศ ปัจจุบันเป็นศิลปินสังกัดท็อปไลน์ ไดมอนด์

สมจิตร บ่อทอง ฤดูกาลใหม่ 2559 ที่กำลังจะมาถึงเปลี่ยนชื่อคณะใหม่ เวทีปกติป้ายจะเป็น "คณะสมจิตร บ่อทอง" ปีนี้ป้ายบนเวทีจะเป็นคณะ ''ศิลปินกุหลาบแดง'' ตามชื่อกลอนลำดังของตัวเองที่แฟนเพลงรู้จักกันดี เปลี่ยนชื่อครั้งนี้ยังแซวไปถึงคณะ ''ศิลปินภูไท'' อย่าหาว่าเลียนแบบนะเพื่อน

somjit bortong 06

ด้วยเป็นคนกตัญญูรู้คุณ มีจิตสาธารณะ มีความสามารถเฉพาะตัว รักและฝักใฝ่ในการเรียนรู้จากครูเพลงทั้งลูกทุ่งและหมอลำ รวมถึงมีคติในการดำเนินชีวิตว่า “การมีความมั่นใจในตนเองสูง จะทำสิ่งที่ชอบได้สำเร็จ” จึงนำจิตวิญญาณการต่อสู้ชีวิตของความเป็นลูกอีสาน มาหลอมรวมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยน้ำเสียงในการขับร้อง และกลอนลำที่ไพเราะหาใครเทียบไม่ได้ ประกอบกับท่ารำ 32 ท่า โดยใช้อวัยวะทุกส่วนของร่างกาย ประกอบกับลีลาการแสดงอย่างอ่อนช้อย เรียบง่าย สวยงาม ตามจังหวะก้าวย่างของดนตรี ซึ่งเป็นท่วงท่าที่เลียนแบบ และดัดแปลงมาจากพฤติกรรมตามธรรมชาติของคน สัตว์และสิ่งแวดล้อมรอบตัวในท้องทุ่งแดนอีสาน จนได้ฉายา “หนุ่มหมอลำนาฏศิลป์ยอดฮิต”

นายสมจิต ทองบ่อ (สมจิตร บ่อทอง) ยังได้รับรางวัลเกียรติยศรางวัลโล่เชิดชูเกียรติประกาศเกียรติคุณ “นาคราช” ประเภทศิลปินพื้นบ้านอีสาน สาขาดนตรีและนาฏกรรม ประจำปี 2557 จาก สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน มหาวิทยาลัยมหาสารคาม

somjit bortong 04

การทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับศิลปะการแสดงหมอลำอันทรงคุณค่า เพื่อให้ผู้คนได้เห็นคุณค่าของศิลปวัฒนธรรมแขนงนี้ จึงหมายมั่นปั้นใจอนุรักษ์ สานต่อและส่งเสริม มรดกทางวัฒนธรรมนี้ไว้ตราบนานเท่านาน นายสมจิต ทองบ่อ (สมจิตร บ่อทอง) จึงสมควรได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินมรดกอีสาน สาขาศิลปะการแสดง (ลูกทุ่งหมอลำ) ประจำปีพุทธศักราช 2558 จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อเป็นเกียรติประวัติสืบไป

ศิลปินมรดกอีสาน - สมจิตร บ่อทอง

มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ประกาศยกย่องเชิดชูเกียรติบุคคลดีเด่นประจำปี 2559 ให้แก่ นายสมจิต ทองบ่อ (สมจิตร บ่อทอง) ซึ่งถือเป็นบุคคลที่สร้างคุณงามความดี ทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคมและประเทศชาติ สมควรได้รับพระราชทานรางวัล "พระธาตุนาดูนทองคำ" ประเภทบุคคลดีเด่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สาขาทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม

somjit bortong 01

ปัจจุบัน สมจิตร บ่อทอง นอกจากจะนำคณะไปแสดงให้ประชาชนได้ชมแล้ว ยังรับเชิญไปให้ความรู้ในสถาบันการศึกษาต่างๆ เช่น สอนนักศึกษาภาควิชาศิลปะการแสดงและนาฏศิลป์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี รวมทั้งแต่งเพลง และกลอนลำ สนับสนุนทางราชการ หน่วยงานต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ

การติดต่อและที่อยู่ปัจจุบัน

somjit bortong 03

สมจิตร บ่อทอง - เยือนรายการ ไมค์ทองคำหมอลำฝังเพชร"

สมจิตร บ่ทอง - ซุปเปอร์หม่ำ

redline

backled1

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)