![]()
|
พรศักดิ์ ส่องแสง หรือ นายบุญเสาร์ ประจันตะเสน เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2503 ที่บ้านโนนสมบูรณ์ อำเภอบ้านไผ่ จังหวัดขอนแก่น เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 6 คน ของนายเฮา และนางแว่น ประจันตะเสน
การศึกษา จบการศึกษาชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 แล้วออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ที่ บ้านหนองหญ้าลังกา ตำบลปะโค อำเภอกุมภวาปี จังหวัดอุดรธานี จากนั้นไปสมัครเป็นคอนวอยในวงหมอลำชื่อ "แชมป์อีสาน" ของครูคำหอม ได้บันทึกเทปกลอนลำชุดแรกเมื่อ พ.ศ. 2524 ชื่อชุด "เสือสำนึกบาป" และ "ซาหลงบั้ง" ต่อมาได้บันทึกเสียงเพลงลูกทุ่งในชื่อชุด "หนุ่มนานครพนม" ต่อมาได้คัดเลือกทหารและจับสลากได้ใบแดงเป็นทหารเกณฑ์ เข้ารับราชการที่ มณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม อุดรธานี ก็ยังลาราชการออกมาทำวงอยู่ในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์
ชื่อ พรศักดิ์ ส่องแสง ตั้งให้โดยครูเพลง รักษ์ วัฒนยา หรือ ครูคำหอม พ่อฮ้างน้อย ผู้สนับสนุนให้ตั้ง วงดนตรี พรศักดิ์ ส่องแสง มีผลงานเพลงออกมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 40 ชุด เพลงที่เริ่มสร้างชื่อเสียงให้กับพรศักดิ์ ส่องแสง จนรู้จักกันทั่ว ดังเช่น หนุ่มนานครพนม, มาลัยใจดำ, สาวคุมกำเนิด, ลอยแพ, เสือสำนึกบาป, อีสานพลัดถิ่น, แม่ของใคร เป็นต้น
เต้ยสาวจันทร์กั้งโกบ - พรศักดิ์ ส่องแสง
มีชื่อเสียงโด่งดังสูงสุดประมาณปี พ.ศ. 2529-2530 จากเพลง "เต้ยสาวจันทร์กั้งโกบ" ผลงานเพลงของ สุมทุม ไผ่ริมบึง ออกตระเวนแสดงทั่วประเทศ และออกไปแสดงถึงในต่างประเทศ เคยมีการจัดคอนเสิร์ตประชันกันระหว่าง พรศักดิ์ ส่องแสง กับ เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ด้วยดนตรีสองแนวต่างสไตล์มาแล้ว โดยใช้คอนเสิร์ตชื่อว่า "คอนเสิร์ตสองคนสองคม" แสดงเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2530 ที่ สนามกีฬาเวโลโดรม หัวหมาก
พรศักดิ์ ส่องแสง ได้เล่าถึงเรื่องราวในอดีตว่า "หลังจากครูคำหอม อาจารย์ของผมท่านเสียชีวิต ผมก็มารับช่วงวงจากท่าน คือซื้อวงต่อ ทำมา 2 ปีไม่ไหว มันได้แต่ชื่อเสียงไม่ได้เงิน กลายเป็นหนี้เขา เป็นเพราะเราคุมคนไม่ได้ ไม่มีอำนาจ ไม่มีบารมีเหมือนครูคำหอม คนในวงรุ่นใหญ่กว่าทั้งนั้นเขาไม่ค่อยเชื่อฟังเรา สั่งอะไรไม่ทำอย่างที่เราสั่ง มีเพื่อนๆ ก็ไม่จริงใจ สุดท้ายผมก็เลยคิดว่าหยุดดีกว่า ผมเลยขายทุกอย่างในราคาที่ถูกมาก ถามว่าเสียใจมั้ย ผมไม่เสียใจไม่เสียดาย ผมเป็นคนแฟร์ ผมคิดว่าผมมาก็ไม่ได้มีอะไรมา"
"หลังจากนั้นก็ไปทำรถบัสแดง ทำไร่อ้อย ทำสิบล้อ ทุกอย่างเจ๊งขาดทุนหมด เป็นหนี้เขาอีก เป็นช่วงลำบากชีวิตในเมืองไทยเป็นช่วงขาลง จ้างไปทำงานก็ราคาตก ผมก็ไม่ทำถึงจะอดก็อดอย่างมีศักดิ์ศรี สุดท้ายเลยตัดสินใจไปหาเงินที่ต่างประเทศ ไปร้องเพลง ผมไปได้ทุกที่ เพราะเมื่อก่อนเวลาเข้าหน้าฝนเข้าพรรษา ครูคำหอมเขาก็จะพาเราไปทำบุญต่างประเทศ ไปวัดไทยในสวิสฯ เยอรมัน อังกฤษ พ่อเสียเราก็กลับไปสายเดิม พรรคพวกเพื่อนฝูงก็ชักชวนให้ไปช่วยงาน ผมลำบากนะ แต่เงินดี ได้มากกว่าเมืองไทย และที่นู่นทุกคนยังต้อนรับเราแบบซูเปอร์สตาร์อยู่"
"ผมทำงานหนักนะ แต่ทำได้เพื่อความอยู่รอดของครอบครัวของพี่น้อง ช่วงหลังกลับมาเมืองไทยก็มาอัดเพลงทิ้งไว้ แล้วกลับไปทำงานต่อ ชุดแรก อยากจะร้องไห้ก้องไปทั้ง... กระแสมา พอมาชุดสอง ตอนเมียไม่มี ทำไมไม่เจอ ก็มาอีก ก็เลยใส่ชุด 3 เข้าไป มีเมียเด็ก ก็ได้อีก ตอนนี้เลยไม่ได้ไปไหนเลย 3 - 4 ปีนี่อยู่แต่เมืองไทย ก็ถือว่าเราโชคดี ถ้าจะให้กลับไปทำวงตอนนี้ผมไม่ทำแล้ว เขาสร้างให้พรศักดิ์มาเป็นนักร้อง ไม่ใช่ผู้บริหาร ถ้าทำวงก็เจ๊งอีก"
"ทุกวันนี้ถ้าไม่มีงานผมก็อยู่บ้านสบายๆ อยู่ที่อีสานหนองบัวลำภู เวลาอยู่บ้านผมมีความสุข ไม่เหงา ผมมีไร่ มีนา มีสวน เลี้ยงวัว จับปลา เป็นชาวบ้านเต็มขั้นอยู่อย่างพอเพียง ผมถือว่าผมโชคดี ผมประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว เพราะหมื่นคน ล้านคนก็ไม่ได้เหมือนเรา จบ ป. 4 มาได้ระดับนี้ อยากจะไปประเทศไหนก็เก็บกระเป๋าไปได้เลย ไม่รวย แต่มีทุกอย่างพอเพียงให้ดูแลครอบครัวได้"
"ส่วนเรื่องสุขภาพ ตอนนี้ผมสุขภาพไม่ดี เป็นโรคหัวใจตีบ หัวใจขาดเลือด ทุกวันนี้กินยาคุมมันอยู่ พร้อมเมื่อไหร่จะไปทำบอลลูน ช่วงนี้งานเยอะอยู่ เอาเถอะ ผมไม่แคร์หรอกความตาย ตายก็ตาย เพราะว่าก็จะตายมาหลายเที่ยวแล้ว ปีนี้สองครั้ง ครั้งแรกเมื่อวันปีใหม่ที่ผ่านมา ครั้งที่สองเมื่อวันที่ 15 มกราคม มันแน่นหน้าอก พูดไม่ได้เลย มารู้ตัวอีกทีก็อีกวันนึง..."
พรศักดิ์ ส่องแสง สมรสกับ นางจุฬาวัลย์ ประจันตะเสน ปัจจุบันอาศัยอยู่ที่จังหวัดหนองบัวลำภู ได้ศึกษาต่อการศึกษานอกโรงเรียนจนได้วุฒิการศึกษา ประถมศึกษาปีที่ 6 และได้รับศิลปศาสตรบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาวิชาดนตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ประจำปีการศึกษา 2547-48
หลังจากนั้นก็มีชุดอื่นๆ อีกมากมาย แต่มาประสบความสำเร็จอีกครั้ง ประมาณปี 2548 จากชุด "มีเมียเด็ก"
พรศักดิ์ ส่องแสง ได้รับพระราชทานรางวัลลูกทุ่งกึ่งศตวรรษ จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2534 และได้รับรางวัลมาลัยทองนักร้องยอดนิยม ประจำปี พ.ศ. 2548
พรศักดิ์ในวัยเด็กเคยอยากเป็นนักมวย มีลายสักรูปมังกรที่แขนซ้าย บางครั้งจึงได้ฉายาว่า "ไอ้หนุ่มแขนซ้ายลายมังกร"
ศิลปินมรดกอีสาน : นายบุญเสาร์ ประจันตะเสน (พรศักดิ์ ส่องแสง)
สาขาศิลปะการแสดง ประเภทลูกทุ่งหมอลำ ประจำปีพุทธศักราช 2559