foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนนะครับ ฤดูหนาวแต่ร้อน และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็ฤดูเก็บเกี่ยวของชาวนาซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวด้วยมือแบบดั้งเดิมแล้ว แต่หันมาใช้รถเกี่ยวข้าวแทนซึ่งทำได้รวดเร็วกว่ามากๆ แต่ก็มีปัญหาตามมาคือข้าวเปลือกมันยังไม่แห้งเก็บเข้ายุ้งฉางไม่ได้ ต้องมีการตากแดดให้แห้งก่อนสัก 2-3 วัน พอมีฝนมาแบบนี้ก็แย่เลย บางรายก็เอาไปตากบนถนนหนทางซึ่งอันตรายมากๆ อย่าหาทำเด้อพี่น้อง มันผิดกฎหมาย...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

: Facebook Likebox ::

: Administrator ::

mail webmaster

: My Web Site ::

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net200x75

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

thamma alphabet header

อักขรวิธีของอักษรธรรมอีสาน

อักษรวิธีหรือการผสมอักษรธรรมอีสาน แตกต่างจากอักษรวิธีของอักษรไทยโดยสิ้นเชิง กล่าวคือ อักษรไทยกำหนดให้วางพยัญชนะไว้บนบรรทัดเดียวกันหมด ทั้งพยัญชนะต้น พยัญชนะตัวสะกดและตัวควบกล้ำ ส่วนสระวางไว้รอบพยัญชนะต้น หรือวางไว้บน ล่าง หน้า หลังพยัญชนะได้

ส่วนอักขรวิธีของอักษรธรรมอีสานมีระเบียบวิธีที่แตกต่างออกไป แต่คล้ายคลึงกับอักษรวิธีของอักษรขอม โดยวางพยัญชนะต้นซึ่งใช้พยัญชนะตัวเต้มไว้บนบรรทัด ส่วนพยัญชนะซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวสะกด ตัวควบกล้ำ หรือตัวสะกดตัวตาม ในหลักสังโยคของภาษาบาลีซึ่งใช้รูปของพยัญชนะตัวเต็มบ้าง ตัวเฟื้องบ้างนั้นอาจวางไว้บนล่าง ข้างหน้า ข้างหลัง และหลังพยัญชนะได้

พยัญชนะของอักษรธรรมอีสาน

พยัญชนะของอักษรธรรมอีสานแบ่งได้เป็น 2 พวกใหญ่ คือ

  1. พยัญชนะตัวเต็ม คือ รูปของพยัญชนะที่เขียนเต็มรูปตามรูปแบบของอักษรธรรมอีสานซึ่งมี 38 รูป ใช้เขียนบนบรรทัด ทำหน้าที่เป็นพยัญชนะต้น หรือบางตัวอาจทำหน้าที่เป็นตัวสะกดหรือตัวควบกล้ำได้ และในบางกรณีมีบางตัวใช้เขียนใต้บรรทัดซ้อนใต้พยัญชนะโดยทำหน้าที่เป็นตัวสะกด ตัวควบกล้ำ หรือตัวสะกดตัวตาม ในหลักสังโยคของภาษาบาลี
  2. ตัวเฟื้อง บางครั้งเรียกว่า ตัวห้อย หรือ ตีน ซึ่งเหมือนกับเชิงในพยัญชนะขอม โดยนิยมเขียนใต้บรรทัด (ยกเว้นตัวเฟื้องของพยัญชนะ และแบบหนึ่งของ เฟื้อง) ตัวเฟื้องที่พบในอักษรธรรมอีสานมีทั้งหมด 19 ตัว ซึ่งตัวเฟื้องเหล่านี้มีหน้าที่เป็นพยัญชนะตัวต้นไม่ได้ จะใช้เขียนในกรณีที่พยัญชนะเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นตัวสะกด หรือตัวควบกล้ำ หรือตัวสะกดตัวตามในหลักสังโยคของภาษาบาลี

ลักษณะของตัวอักษรธรรมดังภาพด้านล่างนี้ เป็นฟอนต์ที่อาจารย์สานิตย์ โภคาพันธ์ แห่งมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ได้ออกแบบสร้างขึ้น มี 2 แบบสำหรับการพิมพ์บนโปรแกรมจัดเอกสารทั่วไป (word) เรียกชื่อฟอนต์ว่า UbWManut และอักษรสำหรับโปรแกรมกราฟิก (PhotoShop) เรียก UbPManut ชื่อนี้เพื่อเป็นเกียรติแก่ อาจารย์มนัส สุขสาย ปราชญ์ท้องถิ่นอุบลฯ ผู้มีความสามารถด้านการอ่านและจารตัวอักษรธรรม อัษรไทยน้อย และเขียนเรื่องราวของตัวอักษรโบราณอีสานเผยแพร่

thamma alphabet 1

อยากได้ฟอนต์อักษรธรรมโบราณอีสานดาวน์โหลดได้เลย [ Download Font Dhamma here! ]

อักษรธรรมอีสาน-ไทยน้อย

รายละเอียดเกี่ยวกับการอ่านและเขียนตัวอักษรธรรมมีเนื้อหาค่อนข้างมาก อาจารย์มนัส สุขสาย ท่านได้ทำตำราไว้ค่อนข้างละเอียด และตอนนี้ผู้ทำเนื้อหาเว็บไซต์กำลังพยายามศึกษาตำแหน่งของฟอนต์อักขระบนแป้นพิมพ์อยู่ครับ เมื่อช่ำชองแล้วจะนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่นตามปณิธานของท่านอาจารย์มนัส สุขสาย ครับ

การเขียนอักษรธรรมอีสานเบื้องต้น วรรคกะ (ก ข ค ฆ ง)

ในช่วงที่ทำการอัพเดทข้อมูลไปเจอ ฟอนต์ตัวอักษรธรรมไทย หรือ ขอมไทย ซึ่งน่าสนใจมากทีเดียว ได้มาจากสำนักเรียนวัดพระเชตุพน เลยนำเอาเลย์เอาท์ของคีย์บอร์ดพร้อมไฟล์ฟอนต์ดังกล่าวมาให้ดาวน์โหลดกันครับ สนใจคลิกดาวน์โหลดในลิงก์ด้านล่างของภาพคีย์บอร์ดเลย์เอาท์นะครับ

keyboard layout khomthai

ดาวน์โหลดฟอนต์อักษรธรรมไทยได้ที่นี่ [ Download TumThai here! ]

การเขียนอักษรธรรมอีสานเบื้องต้น วรรคจะ (จะ ฉะ ชะ ฌะ ญะ)

การเขียนอักษรธรรมอีสานเบื้องต้น เศษวรรค (ยะ ระ ละ วะ สะ หะ ฬะ อะ ฮะ ออยอ)

คำควบกล้ำและการประสมคำควบกล้ำในอักษรธรรมอีสานเบื้องต้น

เครื่องหมายและวรรณยุกต์ในอักษรธรรมอีสานเบื้องต้น

 

 อักษรขอม | อักษรธรรมโบราณอีสาน | อักษรไทยน้อย | วรรณกรรมอีสาน

redline

backled1

khom alphabet header

อักษรขอม

kom Lolei10อักษรขอม พัฒนามาจาก อักษรหลังปัลลวะ ซึ่งพัฒนามาจากอักษรปัลลวะอีกทีหนึ่ง เป็นตัวอักษรของราชวงศ์ปัลลวะในอินเดียใต้ ภายหลังได้มาติดต่อกับภูมิภาคอุษาคเนย์ จึงได้ถ่ายทอดวัฒนธรรม ซึ่งรวมถึงตัวอักษรไว้ให้กับกลุ่มคนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้อีกด้วย ต่อมาอักษรชนิดนี้เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลายในภูมิภาคนี้ มีวิวัฒนาการต่อไปจากอักษรปัลลวะ เป็นอักษรหลังปัลลวะ หลังจากนั้นก็แตกแขนงเป็นสองสาขาใหญ่ๆ คืออักษรมอญโบราณ และอักษรขอมโบราณ

อักษรขอมโบราณ ใช้ในอาณาจักรต่างๆ สองฝั่งแม่น้ำโขง ตั้งแต่สมัยก่อนเมืองพระนคร ต่อมาจึงกลายเป็นอักษรท้องถิ่นในสมัยพระนคร และเป็น ต้นแบบของอักษรไทย และ อักษรเขมร ในปัจจุบัน

เอกลักษณ์ของอักษรขอม คือ เปลี่ยนบ่าอักษรของอักษรปัลลวะเป็นศก หรือหนามเตย อักษรนี้พัฒนาไป 2 ทิศทาง คือ เป็นอักษรขอมในประเทศไทย (ใช้เขียนภาษาไทย ภาษาบาลี ภาษาเขมร) และอักษรขอมในประเทศกัมพูชา (ใช้เขียนภาษาเขมร ภาษาบาลี)

อักษรขอมในประเทศไทย

พบหลักฐานการใช้อักษรขอมโบราณเขียน ภาษาสันสกฤต และภาษาเขมร ในบริเวณภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ ของประเทศไทยปัจจุบัน ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 14 - 16 แต่จะไม่พบเอกสารโบราณประเภทจารึกที่ใช้อักษรขอมโบราณ ในแถบภาคเหนือตั้งแต่จังหวัดตากขึ้นไป หลักฐานทำนองนี้รวมไปถึงโบราณสถาน ที่เรียกว่า ปราสาทหิน ปราสาทอิฐ และพระปรางค์แบบขอม หรือลพบุรี ที่มีอยู่ทั่วไปในภาคอีสาน ภาคกลาง ภาคใต้ แต่ไม่เคยปรากฏอยู่ทางภาคเหนือ

ในประเทศไทย อักษรขอม ถือเป็นอักษรศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในงานด้านศาสนาเป็นส่วนใหญ่ อักษรขอมที่ใช้เขียนภาษาบาลีเรียก อักษรขอมบาลี ส่วนที่ใช้เขียนภาษาไทยเรียก อักษรขอมไทย ซึ่งมีอักขรวิธีต่างจากอักษรขอมกลุ่มอื่นๆ ต่อมา อักษรขอมไทยถูกแทนที่ด้วยอักษรไทย ส่วนอักษรขอมบาลียังคงใช้เขียนภาษาบาลีเรื่อยมา แม้จะมีการพัฒนาอักษรไทยและอักษรอริยกะมาเขียนภาษาบาลีก็ตาม อักษรขอมบาลีถูกยกเลิกไปในสมัย จอมพล ป. พิบูลสงคราม

อักษรขอม ที่ใช้จารในใบลานที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทยมีอยู่ 2 แบบ คือ

  • อักษรขอมบรรจง ส่วนมากใช้จารพระธรรมคำสอนต่างๆ
  • อักษรขอมหวัดบันทึก เพื่อความรวดเร็วเรียกกันว่า อักษรเกษียณ

ลักษณะอักษรขอมที่นิยมจารลงในใบลานมีอยู่ 3 ลักษณะ 3 ส่วน คือ ตัวอักษรหนามเตย และเชิงอักษรขอมทุกตัว จะมีเครื่องหมายเขียนหยักไว้ข้างบนที่เรียกว่า หนามเตย

หนามเตยโดยปกติแล้วจะเขียนติดกับสระ ยกเว้นตัวที่เขียนประสมกับสระอา อิ อี ส่วนเชิงอักษรนั้นเป็นเครื่องหมายแทนตัวอักษรที่เป็นตัวตาม ตัวสะกดจะเขียนไว้ข้างบนเชิงที่เป็นตามนั้นจะเขียนไว้ข้างล่างถ้าเป็นการเขียนเป็นภาษาบาลี แต่ถ้าเป็นการเขียนเป็นภาษาไทยเชิงอาจเป็นตัวสะกด ซึ่งจะแนะนำวิธีการเขียนอักษรขอมต่อไป

เรียนอักษรขอมเบื้องต้น EP.1

อักษรขอมมี 41 ตัว แบ่งเป็น สระ 8 ตัว พยัญชนะ 33 ตัว

  1. สระ มีการเขียน 2 แบบ คือ สระจมและสระลอย
    • สระลอย คือ สระที่ไม่ได้ประสมกับพยัญชนะ ใช้เขียนขึ้นต้นคำที่มีสระนำหน้า สระลอยมีรูปดังนี้
      khom alphabet 1
    • สระจม คือ สระที่ใช้ประสมกับพยัญชนะ มีลักษระดังนี้
      khom alphabet 2
  2. พยัญชนะที่เขียนเป็นภาษาบาลี มี 33 ตัว แบ่งออกเป็น 5 วรรค วรรคละ 5 ตัว เป็นเศษวรรคอีก 8 ตัว ดังนี้
             khom alphabet 3

ตั้งแต่โบราณมา การเรียนอักษรโบราณอีสาน ไม่ว่าจะเป็นอักษรขอม อักษรธรรม บทปัญญาบารมี เป็นบทใช้สอนฝึกหัดอ่านเขียน และถือว่าถ้าใครสามารถอ่านเขียนปัญญาบารมีได้แล้ว ถือว่ามีความรู้เรื่องอักษรโบราณแล้ว ครูผู้สอนจะให้หาประสบการณ์ศึกษาค้นคว้าด้วยตนเองต่อไป

เรียนอักษรขอมเบื้องต้น EP.2

 อักษรขอม | อักษรธรรมโบราณอีสาน | อักษรไทยน้อย | วรรณกรรมอีสาน

redline

backled1

alphabet

เรียบเรียงโดย : มนัส สุขสาย

คำว่า อักษร พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายไว้ว่า ตัวหนังสือ วิชาหนังสือ คำ เสียง พยัญชนะ

อักษรธรรม

อักษรธรรม เป็นอักษรที่คนโบราณอีสานใช้จารึกหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา สรรพวิชา ขนบธรรมเนียมและประเพณีต่างๆ ของชาวอีสานเป็นเวลาช้านาน อักษรโบราณอีสานเป็นมรดกทางปัญญา ที่ปราชญ์โบราณวางเกณฑ์อักษรวิธีเอาไว้เป็นกลางๆ เป็นหนังสือหนังหาเสร็จอยู่ในตัวเอง แม้จะไม่มีรูปวรรณยุกต์แต่มีเสียงวรรณยุกต์ไว้ครบถ้วน เหมาะสมกับผู้ใช้สามารถผันเอาเองตามต้องการ

chawedagongประวัติของอักษรโบราณอีสานนั้น นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่า ในการทำสังฆายนาครั้งที่ 3 สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ณ ชมพูทวีป เมื่อประมาณ พ.ศ. 300 ได้มีการจารึกหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนา เป็นลายลักษณ์ครั้งแรก อักษรที่ใช้จารึกในครั้งนั้นเรียกว่า อักษรพรหมี และอักษรนี้เป็นแม่บทของอักษรเทวนาคี และอักษรปัลลวะ

นักปราชญ์ทั้งไทยและต่างประเทศยอมรับว่า อักษรปัลลวะ เป็นต้นแบบของอักษรชาติต่างๆ ในแหลมทอง โดยเฉพาะในภาคอีสานมีวรรณกรรมเกี่ยวกับการเดินทางไปสืบเอาพระพุทธศาสนา ในประเทศอินเดียเรื่องหนึ่งคือ "เซตะพน" หรือ "เสถพน" ในเรื่องมีว่า พระเจ้ากรุงศรีอยุธยาทราบข่าวว่า วัดพระเชตุพน เมืองสาวัตถีเจริญรุ่งเรืองมาก ประสงค์จะทราบความจริง และจะได้คัมภีร์พระอภิธรรม พระองค์จึงทรงแต่งตั้งราชทูตคณะหนึ่งไปสืบดู ซึ่งคณะราชทูตมี ขุนไท ผู้เป็นหลานของพระเจ้าแผ่นดินเป็นหัวหน้า พร้อมด้วย ขุนพาย ขุนพล ขุนลิงล้ำ เป็นรอง นายกรวิก เป็นองครักษ์ และมีคนโบราณใหญ่สูง 8 ศอก เป็นคนนำทางพร้อมไพร่พล 500 คน เป็นชาย 400 หญิง 100 คน ในการเดินทางครั้งนั้นใช้ช้างและม้าเป็นพาหนะ

คณะราชทูตออกเดินทางประมาณเดือนอ้าย เดินทาง 3 เดือน ถึงเมืองหงสาวดีเข้าเฝ้าเจ้าเมือง และพักอยู่ที่นั่น 3 คืน แล้วเดินทางไปอีก 3 เดือน 14 วัน ถึงปลายแดนเมืองหงสาวดี พบเจดีย์ใหญ่ชื่อพระธาตุชะกุ้ง (ชเวดากอง) พากันบูชาแล้วเดินทางเข้าป่าหิมพานต์ พบสิงสาราสัตว์ ภูตผีปีศาจ และธรรมชาติต่างๆ มากมายเป็นเวลา 7 ปี จึงถึงแม่น้ำมหิง ไพร่หนุ่มสาวที่เดินทางไปด้วยได้แต่งงานให้กำเนิดเด็กประมาณ 300 คน

คณะทูตได้เดินทางไปอีก 1 ปี จึงพบพระฤาษีไตคำ ได้ทราบข่าวเรื่องมาลัยเจดีย์ วัดพระเชตุพน เมืองสาวัตถี ซึ่งอยู่บนเขาเนมินธร ริมฝั่งแม่น้ำอจิรวดี คณะเดินทางขึ้นเขาเนมินธร ผู้คนในคณะเป็นโรคท้องตาย 205 คน ที่เหลือจึงเดินทางไปอีก 8 วัน จึงถึงเมืองสาวัตถี เข้าเฝ้าถวายราชบรรณาการแก่พระมหากษัตริย์เมืองสาวัตถี พักอยู่ที่นั่น 1 คืน รุ่งขึ้นเดินทางไปวัดพระเชตุพน เข้าเฝ้าถวายสักการะสมเด็จพระสังฆราชแล้วบูชามาลัยเจดีย์ ได้ทำการวัดเอาสัดส่วนต่างๆ ของเจดีย์เอาไว้

คณะทูตได้ขอพระอภิธรรมปิฎกทั้ง 7 คัมภีร์ สมเด็จพระสังฆราชก็พระราชทานให้ดังประสงค์ ชายที่ไปด้วยในคณะมีความเลื่อมใสขอบวชเป็นพระภิกษุที่วัดพระเชตุพน 15 คน นอกนั้นพักอยู่ที่นั่น 1 เดือน แล้วได้เดินทางกลับ ขากลับได้ชมหมู่บ้านหิมพานต์ซึ่งมีความเจริญรุ่งเรืองมาก แล้วเดินทางกลับกรุงศรีอยุธยา การกลับมาในครั้งนั้นได้รับการต้อนรับจากพระเจ้าแผ่นดินเป็นอย่างดี และพระอภิธรรมที่ได้มาทั้ง 7 คัมภีร์นั้นได้สร้างหอคำบรรจุเอาไว้ ปราชญ์โบราณชาวอีสานได้อ่าน ได้ศึกษาจารึกที่ได้สืบเอามานี้ใช้สั่งสอนอบรมประชาชนสืบมา

bailan 01

ชาวอีสานโบราณใช้อักษรประจำถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ที่นิยมกันมากมี 3 ชนิด คือ

  • อักษรไทยน้อย ใช้ในราชการบ้านเมือง และจารึกวรรณกรรมที่ปราชญ์โบราณอีสานแต่งขึ้นเอง เพื่อสอนคนให้ประกอบแต่คุณงามความดี
  • อักษรธรรม ใช้จารึกเรื่องราวที่เป็นจริยวัตรของพระพุทธเจ้าและสรรพวิชาการต่างๆ
  • อักษรขอม ใช้จารึกเรื่องราวที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าล้วนๆ เช่น พระไตรปิฎก

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้รวบรวมหัวเมืองชายแดนที่เป็นประเทศราช ทั้งภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ให้เข้าเป็นประเทศสยามอันเดียวกัน และอิทธิพลของอักษรไทยแพร่เข้ามาในหัวเมืองอีสาน เริ่มแรกนั้นอักษรไทยก็ใช้เฉพาะงานในหน้าที่ราชการเท่านั้น ส่วนชาววัดและชาวบ้านทั่วไป ยังคงใช้อักษรพื้นเมือง

ครั้นสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง ได้มีการจัดพิมพ์หลักธรรมคำสอนทางพระพุทธศาสนาด้วย อักษรไทยปัจจุบันในใบลานสำเร็จ และเผยแพร่ทั่วประเทศไทย ตั้งแต่นั้นมา การจาร (เขียน) อักษรโบราณอีสาน ทั้งอักษรขอม อักษรธรรม อักษรไทยน้อย ก็ลดความนิยมลงเรื่อยๆ หนังสือเหล่านี้ส่วนมากไม่ได้รับการดูแลรักษาเท่าที่ควร เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่สรรพวิชาการ มรดกทางปัญญาที่ล้ำค่าของปราชญ์โบราณอีสานต้องสูญเสียไป

bailan 02

ณ บัดนี้ ด้วยความร่วมมือของ อาจารย์มนตรี โคตรคันทา ผู้สร้างสรรค์เว็บไซต์ "สะออน" (ชื่อเดิม Sa-On : สะออนอีสาน ก่อนจะจดโดเมนใหม่ในชื่อ IsanGate.com) แห่งนี้ จะได้นำผลงานการค้นคว้าของข้าพเจ้ามานำเสนอผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ด้วยมุ่งหวังที่จะให้เป็นแหล่งสืบสานภูมิปัญญา ของหมู่เฮาชาวอีสาน ไว้ให้ลูกหลานได้ค้นคว้าต่อไป

อักษรโบราณอีสาน

วรรณกรรมอีสาน

สำหรับท่านที่สนใจอยากจะได้หนังสือวรรณกรรมอีสาน ตำราเรียนอักษรโบราณอีสาน โปรดติดต่อโดยตรงที่
อาจารย์มนัส สุขสาย สำนักพิมพ์มูนมังไทยอีสาน 299 หมู่ 11 (บ้านนิคมจัดสรร) ตำบลไร่น้อย
อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000 โทรศัพท์ 045-241716
(ส่งธณานัติสั่งจ่าย ปณ.แจ้งสนิท จำนวน 175 บาท [ค่าหนังสือ + ค่าส่ง] ได้เลยครับ)

 

และเป็นข่าวดีอีกข่าวหนึ่งคือ ตัวอักษรไทยน้อย ไทยอีสาน นั้น กำลังจะถูกสร้างสรรค์ให้เป็นอักขระบนระบบคอมพิวเตอร์ มีแป้นพิมพ์เปลี่ยนได้เหมือนกับภาษาอื่นๆ เช่น ไทย-อังกฤษ เราก็จะมี ไทยอีสาน-อังกฤษ เป็นต้น การดำเนินการดังกล่าวนี้กำลังดำเนินการโดย คุณเทพพิทักษ์ การุญบุญญานันท์ ติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่บล็อกคุณเทพพิทักษ์ โครงการอักษรอีสาน เลยครับ และตอนนี้ยังมีการทดลองเอาไปใช้กับเพลงคาราโอเกะเพื่อการศึกษา โดยอาจารย์สานิตย์ โภคาพันธ์

อักษรธรรม และอักษรไทยน้อย, Dhamma - Thainoi script

redline

backled1

kalam header

คะลำ เป็นลักษณะความผิดบาป ผิดจารีต ไม่เหมาะ ไม่ควร อาจมีโทษมากหรือน้อย หรือไม่มีโทษ แต่ไม่เป็นที่ยอมรับของสังคม คะลำจึงเป็นหลักคำสอนที่ปฏิบัติกันมาจนเป็นขนมธรรมเนียมที่มีลักษณะเป็นข้อห้าม

3. ข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลา

ข้อคะลำที่สัมพันธ์กันกับเวลานั้น มีหลายข้อที่สัมพันธ์กับบุคคลและสถานที่ด้วย ซึ่งแยกออกจากกันลำบาก แต่เพื่อให้เห็นภาพกว้างๆ โดยรวม และไม่ต้องแบ่งซอยลงไปมากจนเกินไป จึงขอยกตัวอย่างดังที่แบ่งข้างต้น ซึ่งข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลานั้น น่าจะหมายถึงเวลาที่เป็นงานเทศกาล ประเพณีประจำปี หรือเวลาของการประกอบอาชีพประจำฤดูกาล โดยเฉพาะการทำนา รวมทั้งประเพณีเฉพาะกิจในระดับส่วนบุคคลที่เกี่ยวพันกับสังคม ตัวบุคคลและสถานที่ด้วย รวมทั้งกิจวัตรประจำที่อยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน แต่ในที่นี้จะเอาเวลาเป็นตัวตั้งเพื่อให้สอดคล้องกับที่แบ่งหัวข้อไว้ เช่น

ha pla kon

3diamondข้อคะลำในการทำนาและข้าว

เวลา หรือ ขั้นตอนในการทำนา ซึ่งจะต้องดำเนินการสอดคล้องตามระยะเวลา เนื่องจากต้องอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ในสังคมเกษตรกรรมดั้งเดิมที่ยังควบคุมธรรมชาติไม่ได้ ซึ่งถ้าไม่ปฏิบัติแล้วจะต้องคะลำ ผิดประเพณี "กินไม่บกจกไม่ลง" นอกจากนั้นยังมีข้อปฏิบัติที่สัมพันธ์กับข้าว เช่น

  • ก่อนหว่านกล้า ต้องเลือกฤกษ์วันดีในการแช่ข้าวเปลือกก่อน ข้าวที่ปลูกจะได้ให้ผลผลิตมาก
  • ช่วงเวลาหว่าน ถ้ามีตัวปูไต่ตามท้องนา ห้ามจับถือว่าเป็นการเลี้ยงผีตาแฮก
  • ก่อนที่จะถอนกล้าและปักดำต้องเลือกฤกษ์ยามวันดี
  • ช่วงเก็บเกี่ยว ก่อนตั้งลอมข้าวต้องไหว้ปลงแม่พระธรณีก่อน
  • ก่อนนวดข้าว ต้องเลือกวันดี
  • ช่วงนวดข้าวญาติพี่น้องต้องมาช่วยเหลือกัน และหาบข้าวขึ้นยุ้ง
  • หลังจากนั้นต้องมาช่วยกันตีข้าวสนุ (ข้าวที่ยังเหลือติดซังข้าวอยู่) ให้หมด
  • จากนั้นจึงทำพิธีเอาข้าวขึ้นยุ้งและปิดยุ้งเพื่อเลือกวันดีเปิดยุ้งข้าว
  • เลือกวันดีเพื่อตักข้าววันแรกให้ตรงกับเดือนขึ้นปีใหม่แล้วสู่ขวัญข้าว โดยใช้กระดองเต่าตักข้าวครั้งแรก เพื่อให้ผู้ผลิตอยู่เย็นเป็นสุข (กระดองเต่าเป็นสัญลักษณ์ของความอยู่เย็นอยู่ดี)
  • เวลาพักกินข้าวอยู่ทุ่งนาอย่าเรียกกันกินข้าว มันคะลำ เท่ากับเรียกปูมากัดกินต้นข้าวด้วย
  • อย่าเอาไม้แต้ กะบก มาทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ มันคะลำ
    (ภูมิปัญญาแฝง : ไม้ดังกล่าวเป็นไม้เนื้อแข็ง แตกหักง่าย ไม่เหมาะนำมาใช้งาน)
  • เป็ด ไก่มาเก็บกินข้าว รำข้าวหกอย่าดุด่า มันคะลำ
  • จี่ข้าวในช่วงข้าวออกรวง คะลำ
  • ไถนาวันพระ คะลำ
  • กินข้าวสารดิบ คะลำ เป็นคนจัญไร
  • กัดกินข้าวเหนียวครึ่งคำข้าว คะลำ
  • ยืนกินข้าว กะลำ
  • กินข้าวคาหม้อ คะลำ
  • ร้องเพลงเวลากินข้าว คะลำ
  • กินข้าวแล้วบ่อัดฝาก่อง บ่ฮู้เก็บฮู้เมี้ยน คะลำ ทำให้ผัวเมียจะป๋าหย่าร้าง
    (ภูมิปัญญาแฝง : ให้รู้จักเก็บรักษาและรับผิดชอบในสิ่งที่ตนกระทำลงไป เพื่อความเป็นระเบียบ)
  • เวลาเขยสะใภ้กินข้าวร่วมวงกับทั้งครอบครัวอย่างนั่งขัดสมาธิ มันคะลำ
  • เวลากินข้าวอย่าตบหัวแมว จะบาปเนื่องจากแมวมีเชื้อสายเทวดา
    (ภูมิปัญญาแฝง : เนื่องจากเศษขนแมวอาจติดมือได้)
  • เวลากินข้าวผู้หญิงอย่ายองๆ หรือขัดสมาธิ มันคะลำ
  • อย่าเว้ายามกิน
    (ภูมิปัญญาแฝง : ไม่งาม ไม่เหมาะสม ข้าวอาจติดคอ ลงหลอดลมได้)

นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลา เช่น บุญหรืองานประเพณี พิธีกรรมต่างๆ อาทิ

3diamondข้อคะลำในงานศพ

  • คนตายโหง (ผูกคอตาย ฟ้าผ่าตาย จมน้ำตาย เสือกัดตาย ลงท้องตาย ตกต้นไม้ตาย) ห้ามกินทาน ห้ามมีพระนำหน้า ห้ามเผา
  • เด็กตาย (อายุไม่ถึง 10 ขวบ) ห้ามเผา
  • ห้ามนำศพไต่ขัว (สะพาน)
    (ภูมิปัญญาแฝง : ในสมัยก่อนขัวหรือสะพานเป็นเพียงไม้ท่อนเดียวพาดข้ามแม่น้ำ หรือลำคลอง อาจพลัดตกได้)
  • ห้ามหามศพข้ามขอนไม้
  • ห้ามเผาศพวันอังคาร
  • ห้ามเผาศพวันศุกร์ ผีจะร้าย
    (ภูมิปัญญาแฝง : ความเชื่อโชคลาง วันศุกร์เป็นชื่อดี คือวันแห่งความสุข ที่คนนิยมจัดงานมงคลกันจึงไม่นิยมเผาในวันดังกล่าว)
  • หากมีเพื่อนบ้านตายให้มาช่วยกัน บุคคลใดทำเฉยไม่สนใจ จะคะลำ
  • อย่าให้แมวข้ามศพ มันคะลำ
  • อาหารที่เลี้ยงแขกในงานศพต้องไม่เป็นเส้น เช่น ขนมจีน เพราะจำทำให้คนตายไม่ไปเกิด
  • คนป่วยตายธรรมดาเกิน 6 วันจึงจะสามารถเผาได้
  • เสื่อสาดต้องกลับทางให้เป็นตรงข้ามทั้งหมด
  • การแต่งตัวศพ ต้องสวมเสื้อผ้าศพให้กลับจากในมานอก
  • เอาศพออกจากบ้านให้คว่ำภาชนะทุกอย่าง และคว่ำกลับข้างบันได
  • เวลาเผาศพให้เอาท่อนไม้ใหญ่ 2 ท่อนทับศพไว้ ไม่ทำคะลำ
    (ภูมิปัญญาแฝง : ป้องกันศพพลิกคว่ำ หรือเอ็นหดทำให้ศพอาจตกจากเชิงตะกอนได้)
  • เมื่อเผาศพเสร็จให้เดินมาล้างมือล้างเท้าสิ่งสกปรกที่วัดก่อนจึงจะกลับบ้านได้
    (ภูมิปัญญาแฝง : ชำระร่างกายให้สะอาดเพราะอาจจะติดเชื้อโรคจากศพได้ และเป็นอุบายการบำบัดทางจิตสำหรับผู้ที่กลัวผีจากภาพที่ประสบพบเห็นในพิธี)

3diamondข้อคะลำในงานพิธีแต่งงาน

การแต่งงาน ถือว่าเป็นงานมงคลในช่วงชีวิตของคน ดังนั้นจึงมีข้อคะลำเพื่อให้เกิดความมั่นใจในชีวิตคู่ สร้างกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป รวมทั้งข้อคะลำที่ควรทราบในระหว่างมีชีวิตคู่ด้วย เช่น

  • ห้ามแต่งงานวันคี่ คะลำ จะหย่าร้างกัน
  • อย่าทำสิ่งของแตกร้าวในวันแต่ง คะลำ จะทำให้หย่าร้าง
  • ห้ามมีชื่ออาหารที่ไม่เป็นมงคล เช่น แกงฟัก (ฟัก ภาษาอีสานหมายถึง ฟัน สับ) แกงจืด ยำ
  • ห้ามคนเป็นหมัน ไม่มีลูกถือขันหมาก
  • ห้ามบุคคลที่เป็นกำพร้าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาว
  • ห้ามแต่งงานในเดือน 12 คะลำ เป็นเดือนที่สุนัขติดสัด ไม่เป็นมงคล
  • ห้ามแต่งช่วงเดือนเข้าพรรษา (เพราะเป็นช่วงที่กำลังเร่งดำนา)
  • เมียนอนหัวสูงกว่าผัว คะลำ
  • เมียกินข้าวก่อนผัว คะลำ
  • เมียต้องไม่เอาอาหารที่ตนเหลือกินให้ผัวกิน คะลำ
  • เมียย่าง(เดิน)เอาผ้าเอาซิ่นปัดป่ายผัว คะลำ
  • เมียบ่สมมา(ขอขมา)ผัวในวันพระวันศีลก่อนนอน คะลำ

3diamondข้อคะลำในวันสงกรานต์

วันสงกรานต์ หรือ วันเนา เชื่อกันว่ามาจากคำว่า "เน่า" หมายความว่าถ้าใครกระทำผิดคะลำในวันนี้แล้ว เวลาตายไปจะเน่าเหม็น สำหรับในวันนี้ของสังคมอีสานในอดีตถือว่า เป็นวันหนึ่งในรอบปีที่ต้องผ่อนคลาย สนุกสนานให้เต็มที่ การเตรียมการเตรียมงานหรือเวียกงานต่างๆ ต้องกระทำก่อนหน้านั้นให้เสร็จสิ้น หากมีบุคคลใดฝ่าฝืนทำสิ่งใดในวันนี้ถือว่าคะลำ ไม่เจริญรุ่งเรือง ทำมาค้าขายไม่ขึ้น จะต้องตายเน่าตายเหม็นอย่างไม่มีศักดิ์ศรี ซึ่งคล้ายกับข้อห้ามของวันว่างในประเพณีของคนใต้

สำหรับข้อคะลำที่ห้ามประพฤติปฏิบัติในวันเนาตามความเชื่อของคนอีสานมีดังนี้

  • ห้ามผ่าฟืน ฟันฟืน
  • ห้ามตำข้าว ห้ามเปิดยุ้งข้าวตักข้าว
  • กองฟืนจะต้องหาพงหนามไปปิดไว้
  • ครกตำข้าวจะต้องเอาพงหนามไปปิดไว้
  • ห้ามทอผ้า
  • ห้ามสานแห

สรุปคือห้ามทำการงานทุกอย่างในวันดังกล่าว ให้สนุกสนานร่วมงานของเพื่อนบ้านอย่างเต็มที่ ถือว่าเป็นการผ่อนคลายความเคร่งเครียดตรากตรำทำงานตลอดปีอีกวันหนึ่ง

isan banhao

3diamondข้อคะลำที่สัมพันธ์กับเวลาอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีข้อคะลำอื่นๆที่สอดคล้องกับเวลา เช่น

  • อย่าตอกตะปูตอนกลางคืน คะลำ
    (ภูมิปัญญาแฝง : อาจรบกวนคนอื่นที่ต้องการพักผ่อนได้)
  • อย่าตัดเล็บ ตัดผมเวลากลางคืน
  • อย่าล้างถ้วยชามเวลากลางคืน
  • เดินทางกลางคืนอย่าพูดเรื่องอัปมงคล
  • กินข้าวยามวิกาล ตอนดึก คะลำ
  • อย่ากวาดบ้านเวลากลางคืน ยกเว้นบริเวณที่จะกินข้าว
    (ภูมิปัญญาแฝง : อาจจะกวาดสิ่งของสำคัญตกลงไปข้างล่าง จะหาลำบาก เพราะในอดีตไม่มีไฟฟ้า มีเพียงกะบอง หรือไต้ที่ไม่ค่อยสว่างและไม่สะดวกนัก)
  • อย่าเข็นฝ้าย(ปั่นฝ้าย)ตอนกลางคืน คะลำ
    (ภูมิปัญญาแฝง : เสียงจะดังก่อความรำคาญรบกวนคนอื่นได้)
  • อย่าเคี้ยวหมากนอนตอนกลางคืน
    (ภูมิปัญญาแฝง : คำหมากอาจติดข้อเป็นอันตรายได้)
  • อย่าฝัดข้าวตอนกลางคืน
    (ภูมิปัญญาแฝง : เสียงดัง อาจก่อความรำคาญให้แก่คนอื่นได้)
  • อย่าต่อยมองแฮง(แรง)ยามเช้า อย่าตำข้าวสักกะลันยามดึก
    (ภูมิปัญญาแฝง : อาจก่อความรำคาญให้แก่ผู้ที่ยังไม่ตื่น และกำลังหลับอยู่ได้)
  • อย่าผิวปากเวลากลางคืน คะลำ
    (ภูมิปัญญาแฝง : อาจก่อความรำคาญให้คนอื่นได้)
  • อย่านอนเวลาบ่ายคล้อย คะลำ เพราะเป็นช่วงที่ผีตกป่า (เผาศพ)
    (ภูมิปัญญาแฝง : ช่วงดังกล่าวคนส่วนใหญ่ต้องทำงาน หากนอนแล้วจะเสียการงาน และแรงงานโดยไม่จำเป็น รวมทั้งช่วงดังกล่าวเมื่อตื่นขึ้นมามักจะไม่สดชื่น แข็งแรง อารมณ์เสียได้ง่าย)
  • ตีด่ากันในวันพระ คะลำ
  • เวลานอน คุยกัน คะลำ
  • สาวไหมวันพระ คะลำ
  • เวลาออกล่าสัตว์ อย่ากินข้าวกับเนื้อสัตว์ มันคะลำ

ยังมีเพิ่มเติมสำหรับการกระทำที่ถือว่า "คะลำ" ไม่ควรทำ เป็นการรวมอริยาบถของคนในลักษณะต่างๆ

คะลำเกี่ยวกับการยืน

  • ยืนคร่อมเตาฮ่าง คะลำ
  • หญิงยืนเยี่ยว คะลำ (ห้ามผู้หญิงยื่นเยี่ยว)
  • ผู้น้อยยืนใกล้ผู้ใหญ่ คะลำ (ห้ามผู้น้อยยืนใกล้ผู้ใหญ่)
  • เขยยืนใกล้เจ้าโคตร คะลำ (ห้ามลูกสะใภ้และลูกเขยยืนใกล้เจ้าโคตร)

คะลำเกี่ยวกับการย่าง (เดิน)

  • ย่างข้ามตัวคน คะลำ
  • ย่างข้ามพาข้าว คะลำ
  • ผู้น้อยย่างใกล้ผู้ใหญ่ ใภ้ เขยย่างใกล้เจ้าโคตร คะลำ
  • ขึ้นเฮือนบ่ล้างตีน ย่างทืบตีนขึ้นขั้นบันใด ย่างเทิงเฮือนตแฮง ย่างลากตีน คะลำ
  • เมียย่างเอาผ้าเอาสิ้นปัดป่ายผัว คะลำ
  • ย่างก่อนเจ้าหัว (พระ) เหยียบเงาเจ้าหัว คะลำ
  • นุ่งผ้าเตะเตียว ย่างผ่านหน้าเจ้าโคตร คะลำ

คะลำเกี่ยวกับการนั่ง

  • นั่งหย่อนขาไกวขาเทิงเฮือนสูง คะลำ
  • ผู้น้อยนั่งสูงกว่าผู้ใหญ่ ใภ้หรือเขยนั่งสูงหรือนั่งขาไขว่ห้างต่อหน้าเจ้าโคตร คะลำ
  • ผู้หญิงนั่งขัดสะมาธ คะลำ (นั่งขัดสมาธิ)
  • นั่งขัดสะมาธเวลาฟังเทศน์ นั่งฟังเจ้าโคตรบอกสอน คะลำ
  • นั่งตันประตุ นั่งตันขั้นได นั่งหมอน นั่งกลางผู้เฒ่า คะลำ
  • ผู้หนึ่งนั่ง ผู้หนึ่งยืนโอ้โลมกัน คะลำ
  • นั่งเทิงหัวบ่อนนอนของตน หรือของผู้อื่น คะลำ

คะลำเกี่ยวกับการนอน

  • นอนหันหัวไปทางตาเว็นตก คะลำ (ห้ามนอนหันหัวไปทางทิศตะวันตก เพราะทิศตะวันตกเป็นทิศที่ให้ผีหรือคนตายนอนหันหัวไป)
  • เมียนอนก่อน ตื่นหลังผัว คะลำ
  • นอนหงายเล่นดาบ นอนคาบนมเมีย เลียคมมีด คะลำ
  • นอนพกมีด อาวุธ หรือของมีคม คะลำ
  • ใภ้ เขย นอนเปิง พ่อแม่นอนฮ่วมห้องลูกสาวลูกชาย คะลำ
  • นอนหันตีนไปทางพระ คะลำ
  • ยามกินไปนอนยามนอนไปกิน คะลำ
  • เอาเสื้อผ้าเก่ามาหนุนต่างหมอน คะลำ
  • นอนบ่ล้างตีน คะลำ

คะลำเกี่ยวกับการกิน

  • ไปป่าเอิ้นกันกินข้าวเสียงดัง คะลำ
  • ไทเฮือนเดียวกันกินบ่พร้อมกัน ผู้น้อยกินก่อนผู้ใหญ่ เมียกินก่อนผัว คะลำ
  • ผู้ใหญ่กินเงื่อนกินผู้น้อย ผัวกินเงื่อนเมีย คะลำ
  • กินข้าวบ่เปิดฝาก่อง บ่เก็บบ่เมี้ยน คะลำ
  • กินข้าวแล้วลงเฮือน เอามือเซ็ดหัวบันได คะลำ
  • เอาเงื่อนกินให้ทาน คะลำ
  • กินอ้าปากกว้าง แลบลิ้น เลียปาก เลียมือ กินคำใหญ่ กินเสียงดัง คะลำ
  • ถ่มน้ำลาย คายขี้มูก เวลากิน คะลำ
  • กินข้าวมือซ้ายเวลากินเว้ากัน เอามือเท้าขวาเท้าซ้ายเวลากิน กินเคี้ยวบ่แหลก คะลำ
  • กินเหมิดกินเสี้ยง กินเกี้ยงบ่หลอ คะลำ (ห้ามกินหมดกินเกลี้ยงจนไม่มีอะไรเหลือ)
  • ได้กินดี อักกินผู้เดียว ได้กินซิ้นบ่ส่งอา ได้กินปาบ่ส่งปู่ คะลำ
  • กินอิ่มแล้ว บ่ล้างถ้วยล้างชาม คะลำ
  • กินข้าวโต โสความเพิ่น คะลำ
  • กินข้าวกับซิ้นงัวซิ้นควาย คะลำ (เพราะงัว ควาย เป็นสัตว์มีคุณ)

คะลำเกี่ยวกับการไปการมา

  • ผัวไปล่าสัตว์ใหญ่ เมียอยู่บ้านนุ่งซิ่นแดง คะลำ
  • ไปจอบฟังเขาเว้าพื้นทานขวันกัน คะลำ (ห้ามไปแอบฟังเขานินทาว่าร้ายกัน)
  • ไปเอาบุนกายบ้าน บ่ฮู้แลงบ่ฮู้งาย คะลำ (ไปงานบุญหมู่บ้านอื่น แล้วไม่ยอมกลับบ้านเรือนของตนก่อนค่อยไปต่อ และไม่รู้เวลากินข้าวเช้าข้าวเย็น)
  • ผัวไปทางไกล เมียอยู่บ้านตัดผม ทัดดอกไม้ คะลำ
  • ไปโฮ่เนื้อเอิ้นชื่อมัน คะลำ (ห้ามออกชื่อสัตว์ขณะที่เที่ยวล่าสัตว์)
  • ไปบ่ลา มาบ่คอบ คะลำ

pai ma la wai

คะลำทั่วไป

  • นุ่งห่มผ้าทางกลับ – ใช้ตีนเขี่ยเสื้อผ้า คะลำ
  • ฟันฟืนมื้อเช้าฝัดข้าวมื้อแลงแบกของขึ้นเฮือนหาบฟืนขึ้นบ้าน คะลำ
  • ข้ามขั้นไดขึ้นเฮือน ตีนเช็ดหัวขั้นได คะลำ
  • ฝนตกฟ้าร้องขี่ควายเล่น ยกมีด ยกเสียม ฟันไม้ คะลำ
  • ผ่าฟืน ฟันไม้ ตอกไม้ กลางคืน คะลำ
  • แต่งคาดแต่งไถกลางคืน คะลำ
  • ตีก้อนเส้า เอาไม้เอามีดเคาะเสาเฮือน คะลำ
  • ขี่วัว ขี่ควาย หันหลังให้ทางเขา คะลำ
  • เอามือตีแมว ตีหมา เตะวัวเตะควาย คะลำ
  • ปลูกย่านางเดิ่นบ้าน ปลูกผักอีฮุม หมากลิ้นหมา ผักหวานในบ้าน คะลำ
  • บุญมหาชาติขี้เมาเข้าวัด คะลำ ตีฆ้องตีกลอง (เว้นแต่กลองรับ) คะลำ
  • ไทยเฮือนอื่นมาปิด – เปิดป่องเอี้ยม คะลำ
  • ปรึกษากันไปหาหมอ คนไข้ได้ยิน คะลำ
  • วันพระวันศีลก่อนนอน บ่สมมาก้อนส้า คีไฟ แม่ขั้นได ผักตูในวันศีล คะลำ
  • เล่นหมากฮุก หมากสะกา ในเฮือนคนบ่ทันตาย คะลำ
  • โยนกะบุง กะต่า ฟาดเสียม กะด้ง กะเบียนขึ้นเฮือน คะลำ
  • วัดโตคนไข้ เพื่อตัดโลงให้คนไข้เห็นหรือได้ยิน คะลำ
  • เอาเชิงผ้าซิ่นเช็ดหน้า คะลำ
  • ฝนมีดพร้า หอก ดาบสิ่ว ขวาน และปัดเฮือนยามกลางคืน คะลำ
  • ของต่ำไว้สูง ของสูงไว้ต่ำ คะลำ
  • ทุบตี เตะ ถีบ ม้างเฮือน เพซาน คะลำ (ห้ามทุบตี เตะ ถีบ รื้อ พังบ้านเรือน)
  • เว้าพ้นตัว หัวพ้นเพิ่น คะลำ (ห้ามพูดเสียงดังเกินตัว เวลาหัวเราะก็หัวเราะดังกว่าคนอื่น)
  • ปากก่อนกวาน ขานก่อนเจ้า คะลำ (ห้ามพูดก่อนกวานบ้าน(ผู้ใหญ่บ้าน)และรีบขานรับก่อนเจ้านาย)
  • ตัดกอนฮอนขื่อ คะลำ (ห้ามตัดกอนและรอนขื่อบ้านเรือน)
  • ตักน้ำมื้อเช้า ตำข้าวมื้อแลง คะลำ
  • เอาล้อเกวียน ตีนเกวียนที่หักแล้วไปฮองตีนบันได คะลำ
  • คลำน้ำ กินต่อน คะลำ (เข้าทำนองเกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง)
  • เพิ่นบ่เอิ้นโตขาน เพิ่นบ่วานโตซ่อย คะลำ
  • บ่อนเข็ดบ่ยำคะลำบ่ย้าน คะลำ
  • ใส่บาดถามเจ้าหัว คะลำ (ห้ามถามพระเวลาใส่บาตร)
  • ขี้งอยขอน นอนสูบยา คะลำ
  • อยู่ท่งสานวีอยู่ดีถามหมอ คะลำ (อยู่ทุ่งนาห้ามสานพัด อยู่สุขสบายห้ามถามหาหมอ)
  • ฮากไม้สอนขวาน คะลำ (ห้ามรากไม้สอนด้ามขวาน)
  • ไง้ขอนหาขี้เข็บ คะลำ (ห้ามฟื้นฝอยหาตะเข็บ)
  • เฮ็ดต่างลี้ ขี้ต่างเซามีแฮง คะลำ (ห้ามทำงานหลบๆ เลี่ยงๆ และนั่งขี้เพื่อจะได้มีเวลาพักเหนื่อย)
  • ขี้คันคากจาแบกขอนยาง คะลำ (คางคกพูดสาวหาวว่าตนแบกขอนยางได้ไม่ดี)
  • ตีเหล็กต่อหน้าช่าง คะลำ
  • ดันผีให้ลุก ปลุกผีให้นั่ง คะลำ
  • หมาเข้าบ้านบ่ด่อมหาง คะลำ
  • ย้ายคันแทนา ย้ายผักตูเฮือน ถมน้ำออกบ่อ ขุดจอมปลวก ไปถมบวกหมู ปลูกเฮือนกวมทาง กวมตอ คะลำ (ห้ามย้ายคันนาหนึ่ง ย้ายประตูบ้าน ถมน้ำซับ ขดดินจากจอมปลวกเพื่อนำไปถมปลักหมูนอน ปลูกเรือนคร่อมถนนหนทางและตอไม้)
  • เอาของใช้ไว้ปนกับของประดับ คะลำ
  • เฮือนสองหลัง เฮ็ดเป็นหลังเดียว คะลำหลาย
  • ผัวเมียผิดกัน ข่มเหงกัน ด่าป้อยญาติกัน คะลำ
  • จ่ายเงินแดง แปงเงินขวาง คะลำ
  • ตีหมูซา ด่าหมาเสียด หัวซาเด็กน้อย หัวซาทุกคน คะลำ
  • เอาลูกสาวลูกชายเป็นเมียเป็นผัว เอาคนใช้เป็นเมียเป็นผัว คะลำ
  • เห็นเมียท่านท่า เห็นหน้าท่ายิง คะลำ (เห็นภริยาคนอื่นแล้วท้าทาย พอเห็นหน้าเจ้าตัวเขายิงทันที ไม่ดี)
  • หัวโล้นอยากลำ หัวดำอยากเทด คะลำ
  • เล่นเจ้าหัว เล่นผัวเพิ่น คะลำ (ห้ามเป็นชู้กับพระสงฆ์ และเป็นชู้กับสามีหญิงอื่น)
  • บวดเป็นชี หนีจากบ่อน คะลำ (บวชเป็นชีแล้วหนีจากวัดที่บวชไปอยู่วัดอื่น)
  • ความลับไปฮู้เถิงสอง คะลำ (ห้ามนำความลับไปเล่าให้รู้ถึงสองคน)
  • นาสองเหมือง เมืองสองท้าว ย้าวสองเขย คะลำ (ห้ามทำนาที่มีร่องน้ำสองร่อง ประเทศหนึ่งห้ามมีผู้ปกครองสองคน ห้ามลูกเขยสองคนอยู่ร่วมหลังคาเรือนเดียวกัน)
  • หญิงสองผัว เจ้าหัวสองวัด คะลำ

back greenกลับไปที่ คะลำ ขะลำ หน้าที่ 1

redline

backled1

Subcategories

รวมผญา สุภาษิต และคำสอย

กลอนลำ

song word

เพลงลูกทุ่งอีสาน มาเข้าใจความหมายของคำภาษาอีสานในเพลงลูกทุ่ง

ภาษาอีสานแยกตามหมวดอักษร

กลอน ภาษิตโบราณอีสาน

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)