foto1
foto1
foto1
foto1
foto1
ช่วงนี้อากาศแปรปรวนนะครับ ฤดูหนาวแต่ร้อน และมีฝนตกกระจายทั่วประเทศเลยทีเดียว และตอนนี้ก็ฤดูเก็บเกี่ยวของชาวนาซึ่งไม่ได้เก็บเกี่ยวด้วยมือแบบดั้งเดิมแล้ว แต่หันมาใช้รถเกี่ยวข้าวแทนซึ่งทำได้รวดเร็วกว่ามากๆ แต่ก็มีปัญหาตามมาคือข้าวเปลือกมันยังไม่แห้งเก็บเข้ายุ้งฉางไม่ได้ ต้องมีการตากแดดให้แห้งก่อนสัก 2-3 วัน พอมีฝนมาแบบนี้ก็แย่เลย บางรายก็เอาไปตากบนถนนหนทางซึ่งอันตรายมากๆ อย่าหาทำเด้อพี่น้อง มันผิดกฎหมาย...😭🙏😁

: Our Sponsor ::

adv200x300 2

: Facebook Likebox ::

: Administrator ::

mail webmaster

: My Web Site ::

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net200x75

e mil

No. of Page View

paya supasit

ju juคันเจ้าได้ขี่ซ้างกั้งฮ่มเป็นพระยา อย่าได้ลืมคนทุกข์ผู้ขี่ควายคอนกล้า

        ## ถ้าได้ดิบได้ดีหรือได้เป็นใหญ่แล้ว ก็อย่าได้ลืมผู้คนรอบข้าง @อย่าลืมบุญคุณคนที่เคยเอื้อเฟื้อเรา ##

mp3

siriporn 02ศิริพร อำไพพงษ์

นักร้องดีเด่นมาลัยทอง 2543

นักร้องลูกทุ่งหมอลำ ชาวอีสานที่ยังครองความเป็นขวัญใจชาวอีสานอยู่ และมีผลงานออกมาอย่างสม่ำเสมอ ศิริพร อำไพพงษ์ มีชื่อ-นามสกุลจริงว่า ศิริมา อำเคน เกิดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2507 ที่ บ้านดอนกลอย ตำบลดอนกลอย กิ่งอำเภอพิบูลย์ลักษณ์ จังหวัดอุดรธานี เป็นบุตรของ นายกองมี อำไพพงษ์ และนางออ อำเคน จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ โรงเรียนบ้านดอนกลอย บ้านเกิด

ศิริพร อำไพพงษ์ มีชื่อเล่นว่า เม็ก (ต้นหมากเม็ก) คนในครอบครัวเรียก นางเม็ก บ้างเรียก โจ้ โดยทั่วไปเรียก "นาง" หรือ "พี่นาง" มีพี่น้อง 10 คน ชาย 4 คน หญิง 6 คน ศิริพร เป็นคนที่ 7 พ่อแม่ทำนา และพ่อเป็นหมอลำกลอนกับพี่น้องอีก 10 คน ครอบครัวมีอาชีพทำนา และมีวงเป็นของตัวเองชื่อว่า "กองมี แสงอรุณศิลป์" รับงานแสดงหมอลำเพลิน-หมอลำเรื่องในละแวกไม่ไกลจากหมู่บ้านนัก จะหยุดรับงานแสดงในช่วงฤดูทำนา ประมาณช่วงหลังออกพรรษาจึงเริ่มรับงานอีกครั้ง 

ศิริพร เติบโตในครอบครัวหมอลำ ทำให้เธอซึมซับและเรียนรู้มาตั้งแต่เด็ก ด้วยเป็นคนความจำดี ทำให้ร้องเพลงหมอลำได้โดยไม่ต้องเรียนหรือฝึกซ้อมมากนัก "มันก็ซึมซับทุกวันที่เราได้ยิน ไม่ชอบก็ต้องชอบ (ยิ้ม) เหมือนอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว ได้ยินพ่อ ได้ยินพี่สาวพี่ชายร้อง เวลาเขาซ้อม เป่าแคน ดีดพิณ เราอยู่ในเหตุการณ์ตลอด มันก็ซึมเข้าไปในตัว... พี่เริ่มไปร้องหมอลำกับวงของพ่อ ตั้งแต่ตอนอายุ 17-18 ไปเป็นหางเครื่อง เป็นแดนเซอร์ เต้น ร้อง ลำ ทำทุกอย่างที่พ่อให้ทำ"

ศิริพรเคยประกวดร้องเพลงชนะที่ 1 ในแนวของ "พุ่มพวง ดวงจันทร์" กับ "ลุงเขียว" โฆษกวิทยุที่เมืองเลยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จากนั้นเมื่อโตขึ้นมาก็มาทำงานช่วยเหลือทางบ้าน เป็นนักร้องเพลงหมอลำประจำวงของครอบครัว มีพี่ชายเป็นพระเอก พี่สาวเป็นนางเอก ซึ่งเจ้าตัวรวมถึงคนอื่นๆ ต่างคิดไม่ถึงว่าหลายปีให้หลังเธอจะกลายเป็นนักร้องชื่อดัง

ชิวิตที่พลิกผัน

ชีวิตของศิริพรพลิกผัน เมื่อพี่สาวที่เป็นนางเอกเกิดป่วยทำการแสดงไม่ได้ เธอจึงได้รับโอกาสให้ขึ้นแสดงเป็นนางเอกแทน ซึ่งศิริพรก็ทำได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะเธอจดจำบทและวิธีการแสดงได้แม่นยำจากการที่คลุกคลีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ศิริพรเริ่มเป็นที่รู้จักกว้างขวางมากขึ้น เมื่อเริ่มออกไปแสดงกับคณะอื่น หลังจากที่วงของครอบครัวต้องหยุดทำไป เนื่องจากพ่อมีอายุมากขึ้น

กระทั่งราวช่วง พ.ศ. 2526 ชีวิตของศิริพรพลิกผันอีกครั้ง เมื่อประยูร จันทรุศร พาเธอไปร้องเพลงออกอากาศที่ ทีวีช่อง 4 ขอนแก่น (ทีวีขาวดำ) กับคณะสุเทพ ดาวดวงใหม่ และได้พบกับอาจารย์นคร แดนสารคาม การพบปะกันในครั้งนี้ทำให้ชีวิตของศิริพรเปลี่ยนไป คุณดอย อินทนนท์ ได้เห็นแววจึงให้โอกาสอัดเสียง โดยครูดอย อินทนนน์ เป็นผู้เปลี่ยนชื่อให้เธอใหม่ นั่นคือ "ศิริพร อำไพพงษ์"

ศิริพรให้สัมภาษณ์ว่า "ชื่อจริงชื่อศิริมา เปลี่ยนมา เป็นพร อาจารย์ดอย อินทนนน์ บอกว่า เอามาออก ไม่รู้อะไรจะมาบ้าง ถ้ามาดีก็ดีไป ตอนที่มาอัดเสียงใหม่ๆ ก็เอาเป็นศิริพร... นามสกุล อำเคน ที่นี้การตั้งชื่อนักร้อง ต้องให้คล้องจอง นามสกุลต้องสละสะสวยหน่อยเลยเป็น ศิริพร อำไพพงษ์ บ้านป่าขาดอนอะไรแบบนี้"  แนะนำให้ทำเพลงกลับ บริษัท กรุงไทย โดยอาจารย์นคร แดนสารคาม ชอบน้ำเสียงของศิริพรจึงนำกลอนให้ร้อง และพาเข้าสู่วงการ อัดเพลงชุดแรกที่มีชื่อว่า "สาวภูพานรำพึง" ตามด้วยชุดที่ 2 "พบรักที่หัวลำโพง" ผู้ฟังเริ่มชอบเสียงโดยเฉพาะเพลง "วาสนาดอกหญ้า" ที่เป็นเพลงเด่นกลอนดี จากนั้นจึงเริ่มอัดเสียงติดต่อกันรวดเดียว ชุดที่ 3 "ทุ่งร้างนางคอย" ชุดที่ 4 "น้องนกอกหัก" ชุดที่ 5 "อดีตรักหนองหาน" ผลการประพันธ์ของนักร้องนักจัดรายการวิทยุที่ชื่อ ก.ไก่ ใจเดียว หรือที่รู้จักกันในนาม ไก่ฟ้า ดาวดวง

siriporn 31

ศิริพรให้สัมภาษณ์บอกเล่าชีวิตในช่วงเวลานั้นว่า "ช่วงที่ทำวงกับที่บ้าน รายได้ก็ไม่มากทั้งวงได้เงินแค่สามพัน ห้าพัน ก็พอประทังอยู่ไป พอมีโอกาสทำเพลงชุด 'พบรักที่หัวลำโพง' แม้จะมีชื่อขึ้นมาบ้างแต่ก็ไม่โด่งดังอะไร ทำต่อไปอีก 5 ชุด รู้สึกว่าไม่มีอะไรดีขึ้น จึงคิดจะเลิกร้องเพลง"

เมื่อเธอกำลังย่างเข้าสู่วัยเบญจเพส ศิริพรได้สูญเสียพ่อด้วยโรคมะเร็ง เธอจึงหันหลังให้กับหมอลำและการแสดง ไม่ได้ออกไปร้องเพลงเป็นเวลากว่า 3 ปีเต็ม โดยกลับไปทำนาที่บ้าน ศิริพรนั้นชอบทำนา เธอให้สัมภาษณ์ว่า "ทำเพราะอยากทำ สนุกดี ชอบดำนากับสายฝน นางเป็นคนชอบน้ำฝน มันชื่นใจ ทำให้ไม่เหนื่อย และได้ความรู้สึกเก่าๆ ทำให้มีความสุข"

กลับมาอีกครั้งเพราะไก่ฟ้า

แต่แล้วชะตาชีวิตก็เปลี่ยนอีกครั้ง ในเย็นวันหนึ่งขณะที่ศิริพรกำลังเกี่ยวข้าว ครูเพลงที่เคยร่วมงานกันมาแต่ก่อนอย่าง ไก่ฟ้า ดาวดวง ชักชวนเธอให้ไปร้องเพลงในงานกฐิน ที่อำเภอวานรนิวาส จังหวัดสกลนคร มีเศรษฐีคนหนึ่งชื่อ เฮียเล็ก ชอบหมอลำมาก จึงชักชวนไปร้องเอาเงิน ปรากฏว่า ศิริพรได้พวงมาลัยคล้องคอราว 30,000 บาท ทำให้เธอรู้สึกดีใจมาก "หยุดนานตั้งไป 3 ปี วันหนึ่งพี่ไก่ฟ้า ดาวดวง เขาเป็นนักจัดรายการวิทยุก็มาหา บอกให้ไปร้องเพลง เราคิดว่าดีกว่าไม่มีอะไร"

ชีวิตของศิริพรได้พลิกผันอีกครั้ง หลังจากได้พบกับเฮียเล็ก ซึ่งได้สนับสนุนศิริพรให้กลับคืนวงการอีกครั้ง และออกผลงานเพลงชุด "อาลัยรักที่ชุมพร" เมื่อราว พ.ศ. 2533 อย่างไรก็ตาม เพลงหมอลำในช่วงเวลานั้นกำลังได้รับความนิยมสูงมาก ทั้ง จินตหรา พูนลาภ, สาธิต ทองจันทร์ และเดือนเพ็ญ อํานวยพร เพลงของศิริพรจึงไม่ฮิตติดลมบนเท่านักร้องคนอื่น ศิริพรให้สัมภาษณ์ "ดวงเรายังขัดอยู่ การที่จะแหวกตลาดยากมาก เพราะหมอลำตอนนั้นบูมมากๆ"

siriporn 30

เปรี้ยงปร้างเพราะ โบว์รักสีดำ

หลังจากผลเพลงชุด "อาลัยรักที่ชุมพร" จึงทำต่อมาอีก 3 ชุด ปี 2534 อาจารย์ราช เมืองอุบล แนะนำให้รู้จักกับผู้ใหญ่ของบริษัท พีจีเอ็ม แล้วจึงไปทำผลงานเพลงชุด "โบว์รักสีดำ" ศิริพรเล่าถึงเพลงนี้ว่า "เพลงมันยาวมาก มันเป็นกลอนลำประยุกต์ขึ้นมาแล้ว ก็ไม่ได้คิด (ว่าจะดัง) แต่ว่าคนที่แต่งเขาดูลายมือให้... เขาบอกว่ายังไงก็ดัง อาจารย์สุพรรณ ชื่นชม (ผู้เขียนเพลง) มั่นใจทั้งเพลงและลายมือ เพราะเขาเป็นนักแต่งอยู่แล้ว เขาแต่งให้นักร้องดังหลายคน"

โบว์รักสีดำ ส่งให้ชื่อของ ศิริพร อำไพพงษ์ โด่งดังเป็นพลุแตก ไปที่ไหนผู้คนแห่ตามมาดูถล่มทลาย เทปขายดีระเบิด วงดนตรีรับงานจนไม่มีเวลาพัก เดินสายรับงานเดือนหนึ่งกว่า 40 งาน ศิริพรกล่าวถึงเพลง โบว์รักสีดำ ว่า เป็นเพลงที่พลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ

หลังจากโด่งดังจากเพลงโบว์รักสีดำ ศิริพร อำไพพงษ์ รู้สึกท้อถอย เกิดอาการเบื่อ และคิดจะเลิกร้องเพลงอีกครั้ง แม้ว่าเพลงโบว์รักสีดำจะยังคงเป็นที่นิยมมาโดยเสมอก็ตาม และได้เริ่มทำอัลบั้มกับพีจีเอ็มจนถึงปี 2542 จำนวน 31 ชุด คือ โบว์รักสีดำ ลำเพลินเชิญเต้น ไฟใกล้ฟาง ล้างจานในงานแต่ง (เริ่มร่วมงานกับ ครูสลา คุณวุฒิ ครั้งแรก เพลงล้างจานในงานแต่ง ครูสลา เป็นผู้แต่งให้ และจากนั้นก็ทำงานด้วยกันมาตลอด แต่ไม่ได้ทำแบบเต็มอัลบั้ม แต่งบางเพลง) จะเห็นได้ว่าตลอดชีวิตของนักร้องเมืองอุดรคนนี้ มีจังหวะขึ้นและลงเสมอ เคยล้มเลิกความตั้งใจร้องเพลงแต่ก็กลับมาสร้างชื่อเสียงโด่งดังได้อีกครั้ง ศิริพรเคยให้สัมภาษณ์ว่า "มันเหมือนชีวิตถูกลิขิตมาอยู่ตรงนี้ เพราะจะเลิกตั้ง 3-4 ครั้งแล้ว แต่ก็ไม่ได้เลิกสักที"

siriporn4bigsiriporn2bigsiriporn3big

ย้ายค่ายมาดังกับ ปริญญาใจ

ปี 2542 ศิริพร ย้ายค่ายมาอยู่กับแกรมมี่ โดย คุณ ร.ราชวัตร โปรดิวเซอร์ประจำของศิริพร ออกจากพีจีเอ็ม เพราะเปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่น ทำให้ศิริพร หันไปปรึกษา ครูสลา คุณวุฒิ ซึ่งร่วมงานกันมาตั้งแต่ ปี 2535 ตลอดเวลา 8 ปีกว่า และทราบว่าครูสลา ได้มาอยู่ประจำในตำแหน่งโปรดิวเซอร์กับแกรมมี่ โกลด์ จึงตัดสินใจขอมาทำงานด้วย เพราะคุ้นเคยกันอยู่ก่อนแล้ว กับการทำงานประเดิมชุดแรกแหวกแนวลูกทุ่งอีสาน เต็มตัวครั้งแรก กับครูเพลงคู่บุญอีกครั้ง "ครูสลา คุณวุฒิ" มาเป็นโปรดิวเซอร์ในงานชุด "ปริญญาใจ" วางแผง 24 สิงหาคม 2543 และเพลงนี้เองที่ทำให้สังคมไฮโซฮัมเพลงลูกทุ่งได้

siriporn 10 siriporn 11

ศิริพร กล่าวถึงความสำเร็จของเพลงปริญญาใจว่า "จริงๆ ขายได้เยอะกว่านี้นะ แต่เขาจะบอกแค่ยอดกลมๆ คือ หนึ่งล้านตลับ ส่วนตัวพี่เองก็ธรรมดา ไม่ได้รู้สึกอะไร เพราะพี่เป็นนักร้องมานาน ตอนโบว์รักสีดำก็ขายได้ถล่มทลาย ตอนนั้นเกินล้านตลับไปเยอะ พี่ก็เลยเฉยๆ พี่รู้สึกเหมือนเป็นนักร้องใหม่อยู่เรื่อย (ยิ้ม) ตอนไปลงตลาด ยังไม่มีทีวีเปรี้ยงปร้างแบบนี้ ไปไหนคนก็แตกตื่น มากอด มาหอม มาถ่ายรูป มันก็เลยเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพี่ไปแล้ว"

siriporn 12 siriporn 13

ครูสลา คุณวุฒิ ครูเพลงคู่บุญ เคยกล่าวถึง ศิริพร ว่า "ศิริพร เป็นนักร้องครบเครื่อง เป็นนักร้องที่ร้องเพลงได้สื่อสาร ร้องเพลงเหมือนไม่ได้ร้องเพลง แต่เหมือนกำลังเล่าเรื่อง ทำให้คนเชื่อ"

ปัจจุบัน เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า ศิริพร อำไพพงษ์ เธอเป็นนักร้องสายบุญ โดยเงินที่ได้รับจากแฟนเพลงหน้าเวที เธอจะนำมาทำบุญด้านต่างๆ และเธอมักจะจัดกิจกรรมงานบุญอยู่เสมอ ด้านชีวิตครอบครัวสมรสกับ สุชาติ สุขโมนมหาอุดม ผู้จัดการวงดนตรี (ปัจจุบัน เลิกรากันไปแล้ว)

ศิริพร อำไพพงษ์ ถือเป็นแบบอย่างของการเป็นนักร้องที่ดี ที่นักร้องรุ่นใหม่หลายคนได้ยึดเป็นแบบอย่าง ทั้งการสร้างผลงานเพลง ความสามารถด้านการร้องเพลงทุกรูปแบบ ความตรงต่อเวลา การวางตัวในวงการ การแสดงหน้าเวทีที่พอเหมาะพอดี โดยความเป็นนักร้องดัง แต่ทำตัวเรียบง่าย ไม่ยึดติดกับความดัง ให้ความสำคัญกับแฟนเพลงวางตัวอย่างเป็นกันเอง ชอบทำบุญ และมีผลงานเพลงคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง แนวเพลงหลากหลาย ครอบคลุมผู้ฟังหลายกลุ่ม รวมทั้งการแสดงหน้าเวทีที่สนุกสนาน ทำให้ ศิริพร อำไพพงษ์ สามารถครองใจแฟนเพลงมาอย่างยาวนาน ได้มากกว่า 30 ปี

siriporn pinkan concertsiriporn 05

การเดินสายของ วงพิณแคนแดนอีสาน ของศิริพร จะเริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม จนถึง พฤษภาคม มีงานเกือบทุกวันทั้งงานจ้างวง และงานล้อมผ้า เพื่อเป็นการย่นระยะทาง ไปต่องานในจังหวัดต่างๆ ส่วนวงดนตรีกว่า 200 ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นหางเครื่อง นักดนตรี หมอลำ ตลก เด็กในวงต่างๆ ประมาณ 70% จะเป็นลูกหลานพี่น้องของศิริพรทั้งนั้น ศิริพรมีส่วนร่วมในการวางคอนเซ็ปต์ในโชว์ต่างๆ อาทิ ตลก โชว์อาคาซ่า ซึ่งในวงแบ่งเป็นช่วงๆ เช่น โชว์เพลงลูกทุ่ง + สตริง ตลกอีสาน เพลงนานาชาติ (ไทยจีน) มีคาบาเร่โชว์ศิริพร และลิเกอีสาน เป็นต้น

ผลงานที่ผ่านมา : ออกอัลบั้ม สังกัดกรุงไทย 5 ชุด, สังกัด PGM 31 ชุด (โบว์รักสีดำ ดังที่สุด)
ผลงานปัจจุบัน : GRAMMY GOLD ล่าสุดชุดที่ 17 คนใช่ เกิดช้า

ผลงาน ชุดที่ 8 กรุณาอย่าเผลอใจ : ศิริพร อำไพพงษ์

siriporn tape150เป็นงานเพลงของแหบมหาเสน่ห์อย่าง ศิริพร อำไพพงษ์ เป็นแนวเตือนใจสำหรับคนที่มีคนรัก หรือมีคู่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเพลงชื่อเดียวกับอัลบั้ม "กรุณาอย่าเผลอใจ" และ "คึดฮอดกอดบ่ได้"

ส่วนคำร้องออกแนวลูกทุ่งอีสาน ที่มีภาษาอีสานผสมมากับเนื้อร้องเช่นเคย ถือเป็นแนวถนัดของสลา คุณวุฒิ ขณะที่แนวดนตรีฟังง่ายๆ แต่ยังคงสไตล์เดิมของศิริพร เอาไว้อย่างเป็นเอกลักษณ์

ยังมีเพลงที่ออกแนวพบรักอย่างเพลง "คนนี้ล่ะแม่น" สำหรับสาวโสด และ เพลง ออนซอนเจ้าบ่าว ที่เหมาะกับสาวๆ ที่ชอบไปงานแต่งงานของคนอื่น นอกจากนี้ มีเพลง ใต้ต้นสะแบง ผลงานการแต่งของสุรชัย จันทิมาธร หรือ หงา คาราวาน และ เพลงสาวฮ้านน้อย แต่งโดยวีระเดช ไกรศรี เป็นเพลงจังหวะโชะๆ ที่น่าฟังมาก ถ่ายทอดชีวิตของชาวต่างจังหวัด ที่มาทำงานเก็บเงินจากกรุงเทพฯ จากนั้นก็กลับบ้านไปเปิดกิจการคาราโอเกะเล็กๆ ที่บ้านเกิด ฯลฯ

ผลงาน ชุดที่ 9 ตัวจริงประจำใจ : ศิริพร อำไพพงษ์

siriporn album 9เป็นงานเพลงชุดล่าสุดของนักร้องเสียงแหบมหาเสน่ห์อย่าง ศิริพร อำไพพงษ์ ผลงานเพลงชุดนี้มีเพลงที่น่าฟังอย่างชื่อชุด ตัวจริงประจำใจ, แรงใจจากปลายนา, กอดลาว่าที่.. ที่เป็นเพลงของหนุ่มสาวชาวบ้านที่มีใจให้กัน

ในชุดนี้มีเพลงที่มีเนื้อหาสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอีสานที่น่าฟังมาก ทั้งในแง่คิดและความเป็นจริง เพลงแรก คึดฮอดน้องสาว ที่เล่าถึงความห่วงหาอาทรต่อน้องสาวที่ไปแสวงหางานทำในเมืองกรุงเพื่อส่งเงินทองจุนเจือให้พ่อแม่ทางบ้าน ซึ่งคนอีสานส่วนใหญ่จะรับรู้ได้ด้วยใจกับเพลงนี้

ส่วนอีกเพลงหนึ่งเป็นตรงข้ามคือ ตายายกับหลานน้อย เป็นการไปแสวงหาความสุขส่วนตนของหนุ่มสาวบ้านนอก ทิ้งตายายเฝ้าบ้าน ยังไม่หนำใจยังเอาหลานกลับมาให้สองเฒ่าตายายเลี้ยงให้อีก นี่ก็แง่มุมหนึ่งของชีวิต และมีเพลงสุดท้ายในชุดที่แต่งโดยครูเพลง พงษ์ศักดิ์ จันทรุกขา ฮักกันไว้เด้อ ต้องการให้เห็นความรักและสามัคคีของคนไทยในทุกภาคมีต่อกัน เพราะสันติจะเกิดได้ก็เมื่อความรักห่อหุ้มหัวใจให้เป็นสุข ในเพลงชุดนี้จะได้ยินเสียงพิณอีสานอยู่หลายเพลง บรรเลงโดยมือพิณผู้ยิ่งใหญ่ ทองใส ทับถนน ม่วนคักหลาย...

ยังมีผลงานชุดต่อๆ มาอีกหลายชุด มีเพลงดังติดหูหลายเพลง โดยเฉพาะเพลงที่มีแฟนๅ ขอคำแปลภาษาอีสานกันมา เช่น แจ่วบองในกล่องคอมพ์, ย้านบ่มีชาติหน้า, ทางนั้นเป็นจั่งใด๋, บ่เหงาบ่คึดฮอด, ฝากเสียงลมล่อง, เมียบ่ได้แต่ง, รับของโจร และยังมีอีกหลายๆ เพลง ถ้าแฟนเพลงท่านใดชื่นชอบแต่ฟังเนื้อหายังไม่เข้าใจก็แนะนำกันมาได้ครับ

siriporn 14 siriporn 15

เมื่อศิริพร มาปะทะกับ Bodyslam

ชื่อของ "ศิริพร อำไพพงษ์" กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง เมื่อเธอร่วมงานเพลงกับวง Bodyslam ในเพลงคิดฮอด เมื่อ พ.ศ. 2553 ศิริพรเล่าเบื้องหลังเพลงนี้ว่า "เขา (อาทิวราห์ คงมาลัย-ตูน) เป็นคนเล่าให้เราฟัง... ตอนนั้นเขาหยุดไป หยุดไปกี่ปีก็ไม่รู้ เขาจะเริ่มมาอัดใหม่ เขาก็หาเพลงที่จะมาเป็นอัลบัมในชุดนี้ ในชุดคราม เขาก็ไปหาลำตัด ลำฉ่อย ลิเก สารพัดสารเพ แล้วมาเปิดเทียบกัน... เขาก็ทำเป็นดนตรีออกมานิดๆ หน่อยๆ พ่อเขาก็ช่วยคิดด้วย แต่น้องตูนเขาบอกว่า ตอนที่เขายังเป็นเด็กอยู่ ยังไปโรงเรียน พ่อเขาเปิดเพลงนี้ โบว์รักสีดำ ให้ฟังประจำ เขาชอบดนตรี" อาจกล่าวได้ว่าหากไม่มีเพลงโบว์รักสีดำในวันนั้น ก็คงไม่มีเพลงคิดฮอดในวันนี้

Bodyslam - คิดฮอด feat.ศิริพร อำไพพงษ์

เพลงโบว์รักสีดำเป็นเพลงที่สร้างชื่อให้ "ศิริพร อำไพพงษ์" โด่งดังเป็นพลุแตก ถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2564 เพลงนี้ก็มีอายุครบ 30 ปี ผูกใจคนไทยจนได้รับความนิยมมาตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เพลงโบว์รักสีดำเป็นเพลงอมตะ เป็นเพลงในตำนาน ก็คงไม่กล่าวเกินจริงไปนัก

siriporn 16 siriporn 17

ติดตามความเคลื่อนไหวของเธอได้ทาง Facebook Fanpage

เกียรติยศและรางวัลที่ได้รับ

  • รางวัลมาลัยทอง ปี 2543 สาขานักร้องลูกทุ่งหญิงยอดนิยม ในเพลง ปริญญาใจ
  • รางวัลมาลัยทอง ปี 2548 สาขาเพลงสร้างสรรค์สังคมยอมเยี่ยม ในเพลง ฮักกันไว้เด้อ
  • ราวัลมหานครอวอร์ดส ครั้งที่ 9 ปี 2556 สาขาเพลงฮิตมาราธอน ในเพลง กอดคนนอกใจ
  • รางวัลสยามดารา สตาร์ อวอร์ด 2015 (ปี 2558) สาขานักร้องลูกทุ่งหญิงยอดนิยม ในเพลง ปริญญาเจ็บ
  • ราวัลมหานครอวอร์ดส ครั้งที่ 12 ปี 2559 สาขารางวัลพิเศษศิลปินส่งเสริมสังคมและวัฒนธรรมดีเด่น
  • คนดีศรีอีสาน ประจำปี 2561 (ครั้งที่ 37) โดย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม
  • ศิลปินมรดกอีสาน ประจำปี 2565 โดย มหาวิทยาลัยขอนแก่น

siriporn 33

งานประโยชน์เพื่อสังคมและการกุศล

ศิริพร อำไพพงษ์ ได้ตั้ง มูลนิธิศิริพร อำไพพงษ์ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อส่งเสริมและเผยแพร่พระพุทธศาสนา ช่วยเหลือผู้ป่วยยากจน บริการช่วยเหลืออุปถัมปภ์เด็กกำพร้า คนชรา ที่ยากจนและยากไร้ พัฒนาและส่งเสริมการศึกษาของโรงเรียนสำหรับเด็กที่ขาดโอกาสทางการศึกษา รวมทั้งการสาธารณประโยชน์ต่างๆ

siriporn 32

redline

backled1

isan word tip

isangate net 345x250

ppor blog 345x250

adv 345x200 1

นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)