99/169 Sarin7 UBN 34190 081 878 3521 This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
  • ธรรมะในดินแดนอีสาน

    พุทธศาสนา : เผยแผ่ เบ่งบาน งดงามในดินแดนอีสาน

  • เที่ยวงานแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี

    ชมความงามวิจิตรอุบลราชธานีแสงสีตระการตา และงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี

  • เที่ยวนครพนม

    เที่ยวนครพนมชมความงดงามริมแม่น้ำโขง ไหลเรือไฟในวันออกพรรษา

  • ธรรมชาติงดงามบนภูกระดึง

    ความสุขที่คุณเดินได้ให้จดจำว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเราเคยพิชิตภูกระดึง

  • สามพันโบก

    รุ่งอรุณ ณ สามพันโบก มหัศจรรย์ลานหินกลางลำน้ำโขง

  • รุ่งอรุณ ณ ผาแต้ม

    ตะวันขึ้นก่อนใครในสยามประเทศ @ผาแต้ม อุบลราชธานี

  • เขาใหญ่

    ไปเที่ยวชื่นชมธรรมชาติมรดกโลก @อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา

  • ผามออีแดง

    ปลายฝนต้นหนาวไปชมทะเลหมอก @ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ

  • อีสานธรรมชาติสวยงามหลากหลาย

    ภาคอีสานมีธรรมชาติสวยงาม น้ำตก เสาหิน และมหัศจรรย์ธรรมชาติกุ้งเดินขบวน

  • ออกพรรษามาแห่ปราสาทผึ้ง

    ออกพรรษาเชิญมาเที่ยวสกลนคร ชมขบวนแห่ปราสาทผึ้งอันงดงาม

: Our Sponsor

adv200x300 2

: My Web Site

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net
e mail

ควันไฟสงครามยังไม่จาง

border war 2568

ความขัดแย้งบริเวณชายแดนอีสานระหว่างไทยกับกัมพูชามีมายาวนานหลายปี ในอดีตเมื่อปี พ.ศ. 2554 ก็รุนแรงดุเดือดมีการปะทะกันอยู่พักใหญ่ ทำให้เกิดการสูญเสียกับอาคารบ้านเรือนประชาชน เสียชีวิตทหารและประชาชนทั้งสองฝ่าย ท้ายที่สุดนายพลทหารเขมรต้องหลั่งน้ำตากับความสูญเสียกองกำลังทหารเป็นจำนวนมาก แถลงยอมรับความพ่ายแต่และขอโทษต่อชาวเขมรในครั้งนั้น เราก็นึกว่าเขมรจะจดจำและไม่กระทำอีก แต่แล้วสิ่งที่พระมหากษัตริย์ไทยในอดีตที่เคยตรัสไว้ว่า "อย่าไว้ใจเขมร หรือพวกละแวกที่เป็นหอกข้างแคร่อยู่ตลอดกาล"

สถานการณ์ชายแดน "ไทย-กัมพูชา" กลับมาอยู่ในจุดที่น่ากังวลอีกครั้ง หลังจากทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่กัมพูชาวางไว้ 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน จนนำมาสู่การปะทะบริเวณแนวชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ

เริ่มจาก การที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากการลาดตระเวนตามแนวชายแดน แล้วเหยียบกับระเบิดที่ฝ่ายกัมพูชานำมาวางไว้ ทั้งในพื้นที่ชายแดนช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทำให้ทหารนายหนึ่งข้อเท้าขาด และถัดมาอีก 1 สัปดาห์ก็เกิดเหตุการณ์ซ้ำอีกที่ ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี ทหาร 5 นายบาดเจ็บจากระเบิดและมีทหาร 1 นายต้องสูญเสียขาขวา นำมาสู่มาตรการตอบโต้ทางทหาร ลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา และลุกลามถึงขั้นปะทะกัน ทางกัมพูชาใช้อาวุธหนักจรวด BM-21 ตกใส่กลางหมู่บ้าน ชุมชน โรงพยาบาล สถานีบริการน้ำมันและร้านสะดวกซื้อ

รัฐบาลไทยสั่งลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-กัมพูชา พร้อมเรียกทูตไทยกลับ และขับทูตกัมพูชากลับประเทศ พร้อมสั่งกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ยื่นหนังสือประท้วงอย่างเป็นทางการต่อกัมพูชา ปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชาหลายด่าน ตั้งแต่อุบลราชธานี ไปจนถึงจังหวัดตราดในภาคตะวันออก ปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่งคือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคม เป็นต้นไป

กองทัพไทย จึงจำเป็นต้องป้องกันตนเองจากการทำลายล้างด้วยอาวุธที่รุนแรงนี้ ด้วยการส่งเครื่องบินรบ F-16 และ Gripen เข้าไปหย่อนไข่ทักทายศูนย์บัญชาการทางทหาร ทำลายอาวุธเครื่องยิงจรวด รถถัง และปืนใหญ่ โดยเฉพาะเจาะจงไม่ให้กระทบต่อพลเรือน และทรัพย์สินประชาชน ระบบอาวุธที่น่าจะมีชื่อเสียง และคนไทยสนใจกันมากที่สุดในเวลานี้ก็คือ เครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ของกองทัพอากาศ ซึ่งเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในครั้งนี้ด้วย โดยทำการทิ้งระเบิดสนับสนุนการปฏิบัติภารกิจของกองทัพบก ถือเป็นครั้งแรกของโลกที่ Gripen ใช้อาวุธอากาศสู่พื้นต่อเป้าหมายจริงนั่นคือ กำลังทหารของกัมพูชา

เว็บไซต์ประตูสู่อีสาน ของเราไม่ได้สนับสนุนสงคราม และความรุนแรงในครั้งนี้ ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสีย ญาติมิตร ครอบครัว และทรัพย์สินต่างๆ ทั้งในฝ่ายไทยและกัมพูชา ที่ต้องอพยพหลบภัยจากบ้านเรือนถิ่นที่อยู่ไปยังศูนย์อพยพที่ปลอดภัย ต้องประสบความยากลำบาก ขาดงานขาดเงิน ไม่ได้ทำมาหากินตามปกติ โดยเฉพาะฝั่งกัมพูชาที่ยามปกติก็ขาดแคลนกันอยู่แล้ว เมื่อต้องหลบภัยชายแดนก็ยิ่งมีสภาพที่ยากแค้นหนักขึ้น เพราะรัฐบาลไม่เคยให้ความสำคัญในการจัดการช่วยเหลืออย่างเพียงพอ ต้องอยู่กันตามมีตามเกิด

claimbodia refugee

ในขณะที่ฝั่งประเทศไทยนั้นมีการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเต็มกำลัง มีการจัดหาที่อยู่ที่ปลอดภัย ให้บริการสนับสนุนด้านสาธารณูปโภคตามสมควร และที่สำคัญคือน้ำใจคนไทยนั้นยิ่งใหญ่ไม่เคยทอดทิ้งกัน น้ำใจหลั่งไหลล้นหลามด้วยการไปบริจาคโลหิต เพื่อการรักษาทหารและประชาชนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะแนวชายแดน (ที่น่าแปลกใจคือ มีชาวต่างชาติมากมายหลายสัญชาติที่อาศัยหรือทำงานอยู่ในประเทศไทย ได้ไปต่อแถวขอบริจาคโลหิตที่สภากาชาดไทยจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีแรงงานต่างด้าวอย่าง พม่า และลาว รวมอยู่ด้วย นับเป็นปรากฏการณ์ร่วมรักชาติที่เพิ่งได้พบเห็น) บริจาคทรัพย์ สิ่งของ เสื้อผ้า อาหาร ส่งไปยังทหารชายแดน รวมทั้งผู้อพยพตามศูนย์พักพิงต่างๆ 

thai power

เพื่อเป็นการตอบแทน “กองทัพบก” ส่งวงดนตรีทหารปลอบขวัญผู้อพยพ ทำกิจกรรมคลายเครียด แก่ผู้หนีภัยสู้รบ 8 พื้นที่ในจังหวัดสุรินทร์-บุรีรัมย์ วงดนตรีทหารบรรเลงสร้างสุข คลายเครียดให้ผู้หนีภัยสู้รบ “วงดนตรีเพื่อประชาชน” โดยหมวดดุริยางค์มณฑลทหารบกที่ 25 ได้ออกแสดงที่ศูนย์พักพิงชั่วคราวโรงเรียนบ้านวังปลัด อำเภอสังขะ และโรงเรียนบ้านโชกใต้ อำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ เพื่อสร้างความบันเทิง ผ่อนคลายความเครียด และสร้างขวัญกำลังใจ แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา

army entertain

การปะทะกันตามแนวชายแดนในครั้งนี้ยังไม่จบ แม้จะมีการจับมือบอกว่าจะหยุดยิงกันแล้ว แต่ความตรึงเครียดยังไม่จบ ยังมีการปะทะกันประปรายหลายจุด ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ทุกอย่างสงบลง ประชาชนตามแนวชายแดนได้กลับบ้านไปใช้ชีวิตอย่างปกติสุข ได้ทำมาหากินในถิ่นที่อยู่ของตน ได้ดูแลพืชผลทางการเกษตรและสัตว์เลี้ยงต่างๆ มีความสุขตามอัตภาพต่อไป 

สรุปเหตุการณ์หลังปะทะแนวชายแดน

ดูคลิปชาวกัมพูชาที่ Live ตามหาคนในครอบครัวที่หายไป มีคนไทยเข้าไปคอมเมนต์เยอะมาก ชาวไทยบางคนตาดีเห็นรูปคนสูญหาย เลยเอาภาพมาเทียบกับเชลยศึกที่ทหารไทยคุมตัวอยู่ว่านี่ใช่มั้ย บางคนหน้าเหมือนเป๊ะ เหมือนจะใช่จริงๆ ด้วย! ไถหน้าจอไปเรื่อย จู่ๆ ก็มีคลิปเด้งมา มีชายไทยคนหนึ่งบ้านอยู่แถวแนวสูัรบ ถ่ายภาพตอนดึก อัดคลิปเสียงหมาหอนเกรียวตลอดแนว โดยมีเสียงบรรยายว่า ตั้งแต่มีการสู้รบเป็นอย่างนี้ทุกคืน หมาหอนไม่หยุด และมีกลิ่นเหม็นเน่าโชยมาจากชายแดนฝั่งตรงข้าม

พลตรีวันชนะ สวัสดี รองโฆษกกองทัพไทย เผยในรายการ “โหนกระแส” ว่าชาวกัมพูชากำลังตามหาคนหายจำนวนมาก และเริ่มได้กลิ่นศพจากชายแดน สอดคล้องกับรายงานจากเดลินิวส์ที่ระบุว่า ร่างทหารกัมพูชา “เกลื่อน” แนวรบ แต่ไม่มีฝ่ายกัมพูชาไปเก็บ ทหารไทยพยายามช่วยเก็บศพเพื่อส่งคืนตามมนุษยธรรม แต่ได้รับการปฏิเสธ โดยฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าไม่ใช่ทหารของตน

ในเหตุการณ์ระเบิดที่ฐานทัพในจังหวัด Kampong Speu เมื่อเดือนเมษายน 2024 ทำให้ทหาร 20 นายเสียชีวิต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา นายฮุน มาเนต ได้ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะออกค่าใช้จ่ายในการจัดงานศพ และให้การชดเชยแก่ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันว่าจะมีการจ่ายอัตราใดๆ เช่นเดียวกับทหารกัมพูชาที่เสียชีวิตจากการสู้รบไทย-กัมพูชาล่าสุดนี้

เหตุผลที่ทางกัมพูชาไม่มาเก็บศพทหาร

ก็มีเหตุผลที่กัมพูชาปฏิเสธรับศพ ก็เพราะจะต้องจ่ายเงินชดเชยจำนวนมากให้ญาติผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ซึ่งอาจจะไม่ใช่เรื่องเงินเป็นหลัก แต่อาจจะเป็นเรื่องความภาคภูมิใจของชาติ ที่ไม่ต้องการยอมรับความพ่ายแพ้ อาจเป็นความพยายามในการรักษาภาพลักษณ์ของรัฐบาลใหม่ ฮุน มาเนต ซึ่งยิ่งดูแปลกและไร้เหตุผลมาก หรืออาจจะเป็นเทรนด์ของสงครามยุคใหม่ ที่ผู้นำประเทศผุดไอเดียขึ้นมาตรงกันว่า “ทิ้งศพไปเลยดีกว่าเพราะมันมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่ากันเยอะ” (รัสเซียก็ทำเช่นนี้ในสงครามยืดเยื้อระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งสูญเสียแต่ละฝ่ายหลักแสนนาย)

fake news cambodia

ในขณะที่ข่าวจากฝ่ายไทยระบุว่า ค่าชดเชยสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐ (เช่น ทหาร ทหารพราน ตำรวจ ตำรวจตระเวนชายแดน) เสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ10,000,000 บาท บาดเจ็บสาหัส (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเกิน 20 วัน) รายละ 1,000,000 บาท บาดเจ็บมาก (เข้ารับการตรวจรักษาที่โรงพยาบาลและนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลตั้งแต่ 2 วันแต่ไม่เกิน 20 วัน) รายละ 500,000 บาท สำหรับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ เสียชีวิตและทุพพลภาพ รายละ 8,000,000 บาท บาดเจ็บสาหัส รายละ 800,000 บาท บาดเจ็บมาก รายละ 400,000 บาท

ยิ่งทำให้ชาวกัมพูชาเคียดแค้นรัฐบาล นายฮุน มาเนต มากยิ่งขึ้น ที่ไม่ยอมระบุยอดทหารผู้เสียชีวิตหรือบาดเจ็บในแนวหน้า รวมทั้งที่สูญหายไร้ร่องรอยติดต่อไม่ได้อีกเป็นจำนวนมาก ทหารแนวหน้าเขมรเขารบเก่ง เอ้ย! ไม่ใช่ Live เก่ง ถ่ายให้เห็นสถานการณ์ในบังเกอร์ ฐานที่ตั้งอาวุธหนักโชว์ให้ทางบ้านทราบ บางรายยังไม่ถึงนาทีก็มีภาพระเบิดควันพวยพุ่งภาพตัดไป หรือโชว์พาวเวอร์แบกหัวปลี (RPG) ประทับบ่าลั่นไกแล้วก็กระเด็นไปอีกทาง ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทหารเขาไม่เน้นรบแต่เน้นทำคอนเทนต์อวดทางบ้าน โชคร้ายที่อาวุธพวกนี้เก่าเก็บ ขาดการบำรุงรักษา จนเกิดระเบิดทำลายคนใช้งานเสียเองเป็นส่วนมาก

khamer solder died

ศพทหารที่เสียชีวิตควรได้รับการเคารพตามกฎหมายสงครามสากล การทิ้งศพไว้ตามสนามรบ เผยให้เห็นความโหดร้ายของสงคราม ที่แม้ความตายยังถูกคำนวณด้วยเงินและการเมือง การทิ้งศพไม่เพียงสร้างปัญหาสุขอนามัยและจิตใจ แต่ยังขัดต่อหลักมนุษยธรรม และทำร้ายจิตใจครอบครัวของผู้เสียชีวิตเป็นอย่างมาก ในสนามรบต่อสู้ครั้งนี้ทำบนเนินเขาที่ลาดชันลงไปทางฝั่งกัมพูชา เมื่อฝนตกหนักในช่วงฤดูฝนสิ่งปฏิกูลทั้งหลายก็คงไหลนองลงไปหาชาวกัมพูชาเองเสียมาก

ในสถานการณ์ปัจจุบัน มีความพยายามเผยแพร่ข้อมูลเท็จและหลักฐานปลอม เพื่อสร้างความเสียหาย ใส่ร้ายและโจมตีประเทศไทยในเวทีระหว่างประเทศ จึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมกันใช้วิจารณญาณและยึดมั่นในข้อมูลหลักฐานที่เชื่อถือได้ 

บทสรุปจากการประชุม GBC ที่มาเลเซีย

I. การหยุดยิง 

  1. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการหยุดยิงด้วยอาวุธทุกชนิด ทั้งการโจมตีบุคคลพลเรือน วัตถุเป้าหมายทางพลเรือนและเป้าหมายทางทหารของแต่ละฝ่ายในทุกกรณีและทุกพื้นที่ ทั้งสองฝ่ายต้องหลีกเลี่ยงการโจมตีที่ไม่ได้เกิดจากการยั่วยุต่อที่ตั้งหรือกำลังของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยจะต้องไม่ละเมิดข้อตกลงนี้โดยเด็ดขาด
  2. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ให้วางกำลังที่มีอยู่ในพื้นที่โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังที่ตั้งอยู่นับตั้งแต่เวลาหยุดยิงเมื่อ 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 โดยจะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมทั้งการลาดตระเวนเข้าไปยังที่ตั้งของฝ่ายตรงข้าม
  3. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันว่าจะไม่มีการเพิ่มกำลังเข้ามาตลอดแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งหากมีการเพิ่มเติมกำลังเข้าในพื้นที่แล้ว จะเป็นการเพิ่มบรรยากาศความตึงเครียดระหว่างกันมากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาในระยะยาว
  4. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะละเว้นจากการดำเนินการยั่วยุใด ๆ ที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นรวมถึงการปฏิบัติการทางทหารเพื่อรุกล้ำเขตน่านฟ้า เขตดินแดน หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย นับตั้งแต่เวลา 24.00 น. (เวลาท้องถิ่น) ของวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นเวลาที่เริ่มหยุดยิงทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะละเว้นจากการก่อสร้างหรือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางทหารหรือการเสริมความมั่นคงของที่ตั้งทางทหารล้ำออกไปนอกเขตของฝ่ายตน
  5. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกัน ในการงดเว้นการใช้กำลังทุกประเภทต่อบุคคลพลเรือนและวัตถุเป้าหมายทางพลเรือนโดยเด็ดขาด ซึ่งนอกจากจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนตามในพื้นที่ชายแดนแล้ว ยังเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ในเวทีระหว่างประเทศของฝ่ายที่ไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง 

     

  6. ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันในการปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ในเรื่องการปฏิบัติต่อทหารที่อยู่ในความควบคุมของฝ่ายตรงข้าม ทั้งการดูแลในเรื่องความเป็นอยู่ ที่พักอาศัย อาหาร และ    การรักษาพยาบาลในกรณีได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ กรณีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการนำทหารหรือพลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งไม่ได้อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายเข้ามารักษาพยาบาล ฝ่ายที่จะรับรักษามีสิทธิในการพิจารณาตามความพร้อมของสถานพยาบาล เวชภัณฑ์ บุคลากรทางการแพทย์ หรือจรรยาบรรณทางการแพทย์เป็นรายกรณี  โดยทหารที่อยู่ในความควบคุมจะต้องได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศโดยทันทีหลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์เพื่อให้เป็นไปตามข้อ 118 แห่งของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ค.ศ. 1949 และกฎข้อ 128 (A) แห่งของกฎหมายจารีตประเพณีของกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติและโดยเร็ว ณ สถานที่ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบ โดยให้การเคารพอย่างเคร่งครัดต่อหลักการมนุษยธรรมและเขตอธิปไตยโดยไม่มีการข้ามพรมแดน และรับประกันว่าจะมีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อระบุอัตลักษณ์และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและให้ความเคารพ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้เสียชีวิตสูญหายหลังความตาย  

  7. กรณีมีความการขัดกันด้วยอาวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา ให้ทั้งสองฝ่ายร่วมกันหารือในระดับพื้นที่ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่โดยเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้ความขัดแย้งขยายตัวเป็นความขัดแย้งตลอดแนวชายแดน ซึ่งหากยืดเยื้อ จะทำให้กระทบต่อความปลอดภัยของประชาชนและทหารของทั้งสองประเทศ และเป็นการสร้างความตึงเครียดระหว่างกันเพิ่มมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหาร่วมกันมีความยุ่งยากและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

  8. โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะ:

    8.1  ดำรงการสื่อสารตามปกติระหว่างภูมิภาคทหารและหน่วยต่างๆ ตามแนวชายแดนของทั้งสองฝ่าย และมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาในทุกประเด็นด้วยสันติวิธีและหลีกเลี่ยงการปะทะกัน

    8.2 จัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ภายในสองสัปดาห์หลังจากการประชุมคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) สมัยวิสามัญ ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ตามระบบปกติในการหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพ

    8.3 ดำรงช่องทางการสื่อสารโดยตรงอย่างสม่ำเสมอในระดับรัฐมนตรีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ

  9. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะงดเว้นการเผยแพร่ข้อมูลเท็จหรือข่าวปลอมเพื่อลดความตึงเครียด ลดความรู้สึกเชิงลบของสาธารณชน และส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ

kai jiew pikat 2

II. กลไกสำหรับการดำเนินการหยุดยิง 

  1. ทั้งสองฝ่ายดำรงความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามความเข้าใจร่วมกันที่เกิดขึ้นในการประชุมพิเศษเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ซึ่งรวมถึงการหยุดยิงและการมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งนำโดยมาเลเซียเพื่อติดตามให้การหยุดยิงเกิดขึ้นในทางปฏิบัติ
  2. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะมอบหมายให้คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) ในแต่ละพื้นที่ดำเนินการให้เกิดการหยุดยิงโดยมีคณะผู้สังเกตการณ์จากประเทศสมาชิกอาเซียนนำโดยประเทศมาเลเซียประสานงานและสังเกตการณ์ ทั้งนี้ คณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) จะประชุมกันอย่างสม่ำเสมอและส่งรายงานไปยังคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC) ผ่านสายการบังคับบัญชาระดับชาติของแต่ละฝ่าย
  3. ในระหว่างรอให้มีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน ซึ่งนำโดยประเทศมาเลเซียตามที่ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกัน ณ เมืองปุตราจายา เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 68 คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (Interim Observer Team: IOT) ซึ่งประกอบด้วยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศสมาชิกอาเซียนประจำประเทศไทยหรือกัมพูชา และนำโดยผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารของประเทศมาเลเซีย จะถูกจัดตั้งขึ้นในแต่ละประเทศ คือ กัมพูชาและประเทศไทย เพื่อสังเกตการณ์การหยุดยิงของแต่ละฝ่ายอย่างสม่ำเสมอ โดยคณะ IOT ในแต่ละประเทศจะได้รับเชิญไปสังเกตการณ์จากประเทศเจ้าภาพโดยมีการหารือกับประเทศมาเลเซีย คณะ IOT จะสังเกตการณ์โดยไม่ข้ามพรมแดน และจะประสานงานและปรึกษาหารือกับคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC) และคณะกรรมาธิการชายแดนทั่วไป (GBC)  ของแต่ละประเทศอย่างใกล้ชิด

III. เวลาและสถานที่สำหรับการประชุมครั้งต่อไป

  1. ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะจัดการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ครั้งถัดไปภายในหนึ่งเดือนนับจากวันที่ 7 สิงหาคม 2025 (จะหารือเพื่อกำหนดสถานที่ต่อไป) หากไม่เป็นเช่นนั้น ให้มีการเรียกประชุม GBC สมัยวิสามัญโดยทันที โดยใช้รูปแบบเดียวกับการประชุม GBC สมัยวิสามัญในครั้งนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการหยุดยิง

อย่างไรก็ตาม มี 2 ประเด็นที่ไทยเสนอ แต่ทางกัมพูชายังไม่ตอบรับและขอนำไปหารือ และจะนำกลับมาพูดคุยในการประชุมจีบีซีครั้งหน้า ได้แก่

  1. ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การใช้กำลังระหว่างกัน โดยไทยพร้อมให้ความร่วมมือในพื้นที่ปะทะและตลอดแนวชายแดนเพื่อความปลอดภัยของทั้ง 2 ฝ่าย
    วิเคราะห์ได้ว่า เขมรกลัวว่าจะเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำผิดอนุสัญญาออตตาวา เรื่อง การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และเป็นการฝั่งใหม่ไม่นานนี่เอง ฝังเป็นสองแนว แนวแรกรุกล้ำเข้ามายังเขตไทยที่ทำให้ทหารไทยได้รับบาดเจ็บ (ใครจะไปลาดตระเวนในพื้นที่ฝ่ายตรงข้าม) และฝังแนวที่สองในเขตแดนกัมพูชา ป้องกันการรุกของกองกำลังฝ่ายไทย
  2. ความร่วมมือในการปราบปรามการพนันข้ามชาติ ภัยออนไลน์โดยเฉพาะสแกมเมอร์ที่ส่งผลกระทบต่อคนไทยและประเทศในภูมิภาคอย่างกว้างขวาง
    วิเคราะห์ได้ว่า นี่มันเป็นการทำลายท่อน้ำเลี้ยงรายได้ของตระกูลผู้นำกัมพูชานั้นเอง จะทำให้ประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบบอยคอตกัมพูชาในด้านต่างๆ ทั้งการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจการลงทุน

kai jiew pikat

isan word tip

ประตูสู่อีสานบ้านเฮา

IsanGate.com

ปณิธานของเรา :

"ชนชาติที่เป็นอารยะ ต้องมีรากเหง้า และที่มาอันยาวนาน ด้วยภาษาและขนบธรรมเนียมของตนเอง"

: Our Web Site.

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net
e mail
นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)