พายุฟ้าฝนยังไม่หมดไป
จะเข้าเดือนกันยายนแล้ว พายุฟ้าฝนก็ยังมาแบบชุ่มฉ่ำต่อเนื่อง กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสถานารณ์ให้ประชาชนได้เฝ้าระวัง โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ตามที่ราบลุ่ม พื้นที่เชิงเขาที่มีทางน้ำไหลหลากให้ระมัดระวังกันเป็นพิเศษ ที่ลุ่มต่ำก็ให้ยกสิ่งของขึ้นที่สูง เตรียมการอพยพให้พร้อมเมื่อมีการแจ้งเตือน อย่าชะล่าใจเด็ดขาดให้เตรียมพร้อมช่วยตนเองให้พ้นภัยก่อนเป็นดีที่สุด
สถานการณ์ล่าสุดของพายุ "หนองฟ้า" จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา วิเคราะห์จากข้อมูลผลการตรวจวัดจริง ภาคเรดาร์ และภาพถ่ายดาวเทียม (ไม่ได้มาจากแบบจำลองฯเพียงอย่างเดียว) ยังยืนยันว่าพายุ "หนองฟ้า" ได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง (น้องๆ พายุดีเปรสชัน ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง ต่างกันเล็กน้อย) ก่อนที่จะเคลื่อนเข้าสู่บริเวณจังหวัดนครพนม ทางภาคอีสานตอนบนของประเทศไทย เมื่อที่ผ่านมา (30 สิงหาคม 2568) ยังไม่นับเป็นพายุที่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย
อัพเดทสถานการณ์พายุ-ฟ้าฝน
เมื่อเวลา 04.00 น. ของวันนี้ (31 สิงหาคม 2568) หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุดีเปรสชัน “หนองฟ้า” ได้เคลื่อนตามแนวร่องมรสุมเข้าปกคลุมบริเวณจังหวัดเลย และคาดว่าจะเคลื่อนปกคลุมภาคเหนือในวันนี้ จากอิทธิพลดังกล่าวทำให้ในช่วงวันที่ 31 สิงหาคม – 1 กันยายน 2568 ประเทศไทยมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดอุดรธานี หนองบัวลำภู เลย เพชรบูรณ์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ น่านตอนล่าง แพร่ ลำปาง สุโขทัย กำแพงเพชร ลำพูน เชียงใหม่ ตาก และแม่ฮ่องสอน ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
จังหวัดในภาคอีสานที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักถึงหนักมาก มีดังนี้
- 31 สิงหาคม 2568 : จังหวัดหนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู เลย ชัยภูมิ และขอนแก่น
- 1 กันยายน 2568 : จังหวัดเลย หนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ นครราชสีมา และอุบลราชธานี
แผ่นดินไทยยกตัวสูงขึ้นฉับพลัน
นอกจากพายุฟ้าฝนปกติที่มีมาแล้ว ฟ้าฝนมืดมนทางการเมืองก็มาไม่มียั้งเช่นเดียวกัน เมื่อบ่ายของวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เกิดการยกตัวของแผ่นเปลือกโลกที่ชื่อว่า "แผ่นดินไทย" ยกตัวสูงขึ้นในทันทีทันใด ทำให้นักกินเมืองเกิดการตกหล่นระนาวจากเก้าอี้เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการโห่ร้องดีใจของคนไทยส่วนใหญ่ในประเทศต่างแซ่ซ้องในปรากฏการณ์นี้อย่างอื้ออึง เรียกได้ว่าวงการสื่อโทรทัศน์ วิทยุ โซเชียลทั้งหลายแทบจะจุดพลุฉลองกันเลยทีเดียว
แต่ในท่ามกลางฝุ่นตลบนี้ก็ยังมีคนจำพวกหนึ่งวิ่งกันฝุ่นตลบ นับตั้งแต่ช่วงค่ำวันศุกร์ยันมาถึงเวลาที่เขียนบทความนี้ และคาดว่าจะยังคงวิ่งฝุ่นคลุ้งไปจนถึงวันพุธ (3 กันยายน) ที่จะถึงนี้ นอกจากจะมีนักวิ่งแล้ว ก็ยังมีข่าวว่า "งูเห่า" จากหลายๆ ดงก็กำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยกันสลอน นี่แผ่นดินไทยจะยุบลงอีกครั้งล่ะหรือ? พี่น้องรู้สึกยังไงกันบ้าง เลือกตั้งครั้งหน้าจะสั่งสอนพวกผีเปรตนี้อย่างไร?
การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน 2 ขั้วเดินเกมตั้งนายกฯ ฟอร์มรัฐบาลอย่างดุเดือด จากที่เคยตระบัดสัตย์ ลั่นวาจาว่าจะไม่มีวันเผาผีกันอีก ตอนนี้กับวิ่งเข้าหาสวมกอดจูบกันดูดดื่ม เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น โอ้! อนิจจา ประชาชนที่หลงเลือกพวกเอ็งมา ใยพวกเจ้าทำเช่นนี้เล่า???
กติกาการเลือกนายกรัฐมนตรี
ที่เขาวิ่งกันฝุ่นตลบนี้ก็เพื่อแย่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ว่างลงฉับพลัน สิ่งที่จะต้องรวบรวมสรพพกำลังคือเสียงข้างมากที่เอามาจากอีกฝ่าย (ล้วงคองูเห่า ให้มาเป็นพวกนี่แหละ) ใครจะได้พรรคพวกมากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขแห่งความสำเร็จดังนี้
- พรรคการเมืองที่มี ส.ส. อย่างน้อย 25 คน สามารถเสนอชื่อบุคคลที่อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีที่ยื่นไว้ต่อ กกต.
- ส.ส.ทั้งหมด 495 คน (ปัจจุบัน) มีสิทธิลงคะแนนแบบ ขานชื่อ เปิดเผย
- ผู้ที่จะได้รับตำแหน่ง ต้องได้เสียงเกิน ครึ่งหนึ่งของสภา หรืออย่างน้อย 248 เสียง
- หากไม่มีผู้ใดได้เสียงเกินครึ่ง จะต้องโหวตรอบใหม่ โดยสามารถเสนอชื่อคนเดิมหรือเปลี่ยนเป็นบุคคลอื่นที่อยู่ในบัญชีได้
- เมื่อมีผู้ได้เสียงข้างมากแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
นี่ขนาดบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญที่หมดไปคือ "อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีโดยสมาชิกวุฒิสภา" ไม่มีแล้ว ยังยุ่งขิงๆ ขนาดนี้ ส่วนประชาชนอย่างเราก็นั่งบนภู ดู... ทะเลาะกัน ใครมีกระสุนหรือเงื่อนไขสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า ก็คงชนะไป แต่คาดว่า "การเลือกตั้ง" ในครั้งหน้า พรรคการเมืองต่างๆ จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไปจับมือกันใหม่ พรรคใหม่ ที่เคยได้เกินร้อยก็คงจะร่วงเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะประชาชนอย่างเราได้เห็นสันดานสันดอนที่ขูดไม่ออกในวันนี้แล้ว หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเทอญ