พายุฟ้าฝนยังไม่หมดไป
กรมอุตุนิยมวิทยา อัพเดทสถานการณ์พายุบัวลอย วันนี้ 28 กันยายน 2568 เวลา 04.00 น.

เช้าวันนี้ (28 กันยายน 2568) พายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” (BUALOI) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 170 กิโลเมตร หรือที่ละติจูด 16.2 องศาเหนือ ลองจิจูด 109.8 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย ด้วยความเร็วประมาณ 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในวันที่ 29 กันยายน 2568 หลังจากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ
จากอิทธิพลของพายุ “บัวลอย” ส่งผลให้ในช่วงวันที่ 28–30 ก.ย. 68 ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตามแนวขอบของพายุ รวมถึงด้านรับมรสุมในภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง
ขอให้พี่น้องที่อยู่อาศัยในที่ราบลุ่มริมน้ำ หรือพื้นที่เชิงเขา ได้โปรดระมัดระวังน้ำหลากท่วม น้ำหลากจากการสะสมของปริมาณน้ำฝนในช่วงที่ผ่านมา มีดินโคลนถล่มได้ โปรดเตรียมความพร้อมและฟังข่าวสารพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
แผ่นดินไทยยกตัวสูงขึ้นฉับพลัน

นอกจากพายุฟ้าฝนปกติที่มีมาแล้ว ฟ้าฝนมืดมนทางการเมืองก็มาไม่มียั้งเช่นเดียวกัน เมื่อบ่ายของวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา เกิดการยกตัวของแผ่นเปลือกโลกที่ชื่อว่า "แผ่นดินไทย" ยกตัวสูงขึ้นในทันทีทันใด ทำให้นักกินเมืองเกิดการตกหล่นระนาวจากเก้าอี้เป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการโห่ร้องดีใจของคนไทยส่วนใหญ่ในประเทศต่างแซ่ซ้องในปรากฏการณ์นี้อย่างอื้ออึง เรียกได้ว่าวงการสื่อโทรทัศน์ วิทยุ โซเชียลทั้งหลายแทบจะจุดพลุฉลองกันเลยทีเดียว
แต่ในท่ามกลางฝุ่นตลบนี้ก็ยังมีคนจำพวกหนึ่งวิ่งกันฝุ่นตลบ นับตั้งแต่ช่วงค่ำวันศุกร์ยันมาถึงเวลาที่เขียนบทความนี้ และคาดว่าจะยังคงวิ่งฝุ่นคลุ้งไปจนถึงวันพุธ (3 กันยายน) ที่จะถึงนี้ นอกจากจะมีนักวิ่งแล้ว ก็ยังมีข่าวว่า "งูเห่า" จากหลายๆ ดงก็กำลังชูคอแผ่แม่เบี้ยกันสลอน นี่แผ่นดินไทยจะยุบลงอีกครั้งล่ะหรือ? พี่น้องรู้สึกยังไงกันบ้าง เลือกตั้งครั้งหน้าจะสั่งสอนพวกผีเปรตนี้อย่างไร?

การเมืองไม่มีมิตรแท้ศัตรูถาวร การเมืองไม่มีอะไรแน่นอน 2 ขั้วเดินเกมตั้งนายกฯ ฟอร์มรัฐบาลอย่างดุเดือด จากที่เคยตระบัดสัตย์ ลั่นวาจาว่าจะไม่มีวันเผาผีกันอีก ตอนนี้กับวิ่งเข้าหาสวมกอดจูบกันดูดดื่ม เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น โอ้! อนิจจา ประชาชนที่หลงเลือกพวกเอ็งมา ใยพวกเจ้าทำเช่นนี้เล่า???
กติกาการเลือกนายกรัฐมนตรี
ที่เขาวิ่งกันฝุ่นตลบนี้ก็เพื่อแย่งชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่ว่างลงฉับพลัน สิ่งที่จะต้องรวบรวมสรพพกำลังคือเสียงข้างมากที่เอามาจากอีกฝ่าย (ล้วงคองูเห่า ให้มาเป็นพวกนี่แหละ) ใครจะได้พรรคพวกมากกว่ากัน โดยมีเงื่อนไขแห่งความสำเร็จดังนี้
- พรรคการเมืองที่มี ส.ส. อย่างน้อย 25 คน สามารถเสนอชื่อบุคคลที่อยู่ในบัญชีนายกรัฐมนตรีที่ยื่นไว้ต่อ กกต.
- ส.ส.ทั้งหมด 495 คน (ปัจจุบัน) มีสิทธิลงคะแนนแบบ ขานชื่อ เปิดเผย
- ผู้ที่จะได้รับตำแหน่ง ต้องได้เสียงเกิน ครึ่งหนึ่งของสภา หรืออย่างน้อย 248 เสียง
- หากไม่มีผู้ใดได้เสียงเกินครึ่ง จะต้องโหวตรอบใหม่ โดยสามารถเสนอชื่อคนเดิมหรือเปลี่ยนเป็นบุคคลอื่นที่อยู่ในบัญชีได้
- เมื่อมีผู้ได้เสียงข้างมากแล้ว ประธานสภาผู้แทนราษฎรจะนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
นี่ขนาดบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญที่หมดไปคือ "อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรีโดยสมาชิกวุฒิสภา" ไม่มีแล้ว ยังยุ่งขิงๆ ขนาดนี้ ส่วนประชาชนอย่างเราก็นั่งบนภู ดู... ทะเลาะกัน ใครมีกระสุนหรือเงื่อนไขสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าดีกว่า ก็คงชนะไป แต่คาดว่า "การเลือกตั้ง" ในครั้งหน้า พรรคการเมืองต่างๆ จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ไปจับมือกันใหม่ พรรคใหม่ ที่เคยได้เกินร้อยก็คงจะร่วงเป็นเบี้ยหัวแตก เพราะประชาชนอย่างเราได้เห็นสันดานสันดอนที่ขูดไม่ออกในวันนี้แล้ว หวังว่าจะเป็นเช่นนั้นเทอญ



















