Bar Imageน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอันหาที่สุดมิได้
  • ธรรมะในดินแดนอีสาน

    พุทธศาสนา : เผยแผ่ เบ่งบาน งดงามในดินแดนอีสาน

  • เที่ยวงานแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี

    ชมความงามวิจิตรอุบลราชธานีแสงสีตระการตา และงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี

  • เที่ยวนครพนม

    เที่ยวนครพนมชมความงดงามริมแม่น้ำโขง ไหลเรือไฟในวันออกพรรษา

  • ธรรมชาติงดงามบนภูกระดึง

    ความสุขที่คุณเดินได้ให้จดจำว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตเราเคยพิชิตภูกระดึง

  • สามพันโบก

    รุ่งอรุณ ณ สามพันโบก มหัศจรรย์ลานหินกลางลำน้ำโขง

  • รุ่งอรุณ ณ ผาแต้ม

    ตะวันขึ้นก่อนใครในสยามประเทศ @ผาแต้ม อุบลราชธานี

  • เขาใหญ่

    ไปเที่ยวชื่นชมธรรมชาติมรดกโลก @อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ นครราชสีมา

  • ผามออีแดง

    ปลายฝนต้นหนาวไปชมทะเลหมอก @ผามออีแดง จังหวัดศรีสะเกษ

  • อีสานธรรมชาติสวยงามหลากหลาย

    ภาคอีสานมีธรรมชาติสวยงาม น้ำตก เสาหิน และมหัศจรรย์ธรรมชาติกุ้งเดินขบวน

  • ออกพรรษามาแห่ปราสาทผึ้ง

    ออกพรรษาเชิญมาเที่ยวสกลนคร ชมขบวนแห่ปราสาทผึ้งอันงดงาม

: Our Sponsor

adv200x300 2

: My Web Site

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net
e mail

ผลไม้หายากภาคอีสาน

 isan fruit

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือ ภาคอีสาน ในประเทศนั้นนับว่า เป็นภูมิภาคที่มีความแห้งแล้งเป็นอย่างมาก เมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ เป็นภาคที่มีสภาพอากาศแปรปรวน เพราะว่าถ้าเป็นช่วงหน้าฝนก็จะเกิดฝนตกหนักถึงขั้นมีน้ำท่วม อุทกภัยใหญ่เป็นบริเวณกว้าง แต่ถ้าเป็นช่วงหน้าหนาวอากาศก็จะหนาวเย็น และแห้งแล้งได้ง่าย จึงไม่แปลกที่พืชผักและผลไม้จะมีความคงทนถ้าปลูกในภูมิภาคนี้

Northeast Thailand

ผลหมากไม้ ในภาคอีสานนั้น ปกติแล้วจะมีอยู่ไม่มากเมื่อเทียบกับภาคอื่นๆ แต่จะมีผลไม้พื้นบ้านที่ปัจจุบันเริ่มหาทานได้ยาก ที่เราจะได้มาทำความรู้จักกันให้มากขึ้นอีกนิด แต่ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า ผลไม้ในภาคอีสานถือว่าเป็นผลไม้ที่มีความแตกต่างกว่าภาคอื่นๆ โดยเฉพาะในเรื่องของความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศที่มีความร้อนและแห้งแล้ง ทำให้ผลไม้ในภาคนี้จะหาทานได้ยาก และมีราคาค่อนข้างสูงเลยทีเดียว สำหรับผลไม้ในภาคอีสานนั้นก็จะมีคล้ายๆ กับภาคอื่นๆ ทั่วไปที่สามารถพบเห็นได้บ่อย ไม่ว่าจะเป็น กล้วย อ้อย เงาะ ลำไย ทุเรียน น้อยหน่า ละมุด มะยม เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยม และมีการปลูกเป็นอย่างมากในภาคอีสาน นอกจากนี้ ยังมีผลไม้ที่เป็นผลไม้พื้นบ้านของภาคอีสานแท้ๆ ที่มีคุณค่าทางอาหาร มีสรรพคุณทางยามากมาย และหายากใกล้สูญพันธุ์ไปด้วยความนิยมที่เสื่อมคลายไป

สนับสนุนคลิกดูโฆษณาของเราสักวันละครั้ง เพื่อให้เรามีแรงสร้างงานต่อไป ขอบคุณครับ

ถ้าเป็นผลไม้ปกติทั่วไป เราก็จะสามารถพบเห็นหรือพบเจอได้ง่ายตามท้องตลาด  แต่ถ้าเป็นผลไม้พื้นบ้านที่ปัจจุบันนั้นเริ่มมีการปลูกน้อยลง และหาทานได้ยากนั้น ก็จะมีตามแต่ละท้องที่เท่านั้น โดยส่วนใหญ่แล้วในภาคอีสานนั้นจะนิยมใช้คำว่า บัก หรือหมาก นำหน้าสำหรับเรียกชื่อผลไม้ เช่น แตงโม อาจจะเรียกว่า หมากโม หรือ บักโม ซึ่งคำเรียกนั้นก็จะขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะชอบเรียกแบบไหน มารู้จักกับหมากไม้เหล่านี้กันดีกว่าไหมว่า ของดีอีสานมีคุณค่าและสรรพคุณทางยาอย่างไร? [ บทพิสูจน์ว่าเจ้าเป็นคนอีสานบ้านนอก ]

bug takob

หมากตะขบ

เชื่อว่าหลายต่อหลายคนในวัยเดียวกับผู้เขียน (คนวัย Sixty up+) เคยปีนต้นตะขบเก็บผลตะขบสุกสีแดงๆ มาลองกิน ซึ่งเป็นรสชาติของความทรงจำเลยก็ว่าได้ ขอเปิดถึง สรรพคุณ ประโยชน์และข้อควรระวัง ก่อนกิน ดังนี้

ตะขบ ผลไม้ชนิดหนึ่ง ที่หรือหลายคนอาจรู้จักในชื่อ ครบฝรั่ง ตากบ ตะขบฝรั่ง เป็นต้น เชื่อว่าเด็กๆ ที่ตอนนี้อายุไม่น้อยแล้ว เคยปีนต้นเก็บผลสีแดงสด หอมหวานมากินเป็นขนมกับเดอะแก๊งค์ ซึ่งต้นตะขบจัดเป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้นขนาดเล็ก มีความสูงได้ประมาณ 5-7 เมตร และอาจสูงได้ถึง 10 เมตร โดยปกติแล้วถ้าเป็นต่างประเทศ อย่าง เม็กซิโก ตะขบ นั้นถือว่าเป็นผลไม้ที่มีการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อย่าง ไวน์ หรือแยม ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถแปรรูปเป็นชาเพื่อนำมาใช้ในการชงดื่มได้อีกด้วย

ซึ่งมีผลจากการศึกษาพบว่า ตะขบ มีใยอาหารสูงมาก 6.3 กรัม มากกว่าผลไมชนิดอื่นๆ เกือบ 2 เท่า อาทิ ฝรั่ง แป้นสีทอง มี 3.3 กรัม และฝรั่งกิมจูมี 3.1 กรัม นอกจากนี้ ตะขบ วิตามินบีที่มีปริมาณที่สูงพอสมควร มีใยอาหารสูง แล้วยังมีแคลเซียมและโพแทสเซียมสูงอีกด้วย ซึ่งมีประโยชน์ดูดซับคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งลำไส้ และป้องกันเส้นเลือดสมองแตกได้อีกด้วย

สรรพคุณของตะขบ 
  • ผลสุกมีรสหวานเย็นหอม มีสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง ทำให้ชุ่มชื่นหัวใจ 
  • ดอกตะขบมีสรรพคุณเป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ ด้วยการใช้ดอกแห้งประมาณ 3-5 กรัม นำมาชงเป็นน้ำชาดื่ม 
  • ใช้เนื้อไม้เป็นยาแก้อาการปวดศีรษะ 
  • ใช้เป็นยาแก้หวัด ลดไข้ ด้วยการใช้ดอกแห้งประมาณ 3-5 กรัม นำมาชงเป็นน้ำชาดื่ม 
  • ใบมีรสฝาดเอียด มีสรรพคุณเป็นยาขับเหงื่อ 
  • รรากมีสรรพคุณเป็นยาแก้เสมหะ ช่วยกล่อมเสมหะและอาจม (ราก)
  • ช่วยแก้อาการปวดเกร็งในทางเดินอาหาร ด้วยการใช้ดอกตะขบแห้ง 3-5 กรัม นำมาชงกับน้ำเป็นชาดื่ม 
  • ต้นใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาระบาย เนื่องจากมีสาร mucilage มาก
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ผลสุกของตะขบป่า จะมีรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ ซึ่งในการรับประทานควรรับประทานแต่พอดี ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไป เพราะผลสุกของตะขบป่าตามสรรพคุณของตำรายาไทยระบุว่า มีฤทธิ์ระบาย ซึ่งอาจทำให้เกิดการปวดไซท้องได้ 

ส่วนการใช้ในรูปแบบสมุนไพรก็เช่นเดียวกัน ควรใช้ในขนาดและปริมาณที่พอดีที่ได้ระบุได้ในตำรับตำรายาต่างๆ ไม่ควรใช้ใบขนาด และ ปริมาณที่มากจนเกินไป หรือใช้ต่อเนื่องกันนานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ทั้งนี้ตะขบสามารถกินได้ก็จริงแต่ควรเลือกจากแหล่งที่ปลอดภัยและอย่าลืมล้างให้สะอาดก่อนกินด้วย

bug kam pom 2

บักขามป้อม

บักขามป้อม หรือ มะขามป้อม ผลไม้ท้องถิ่นประจำภาคอีสาน ถ้าพูดถึงมะขามนั้น ทางภาคอีสานจะขึ้นชื่อมากในเรื่องของมะขามป้อมหรือบักขามป้อมที่คนในภาคอีสานมักเรียกกันเป็นคำพูดติดปาก ซึ่งมะขามป้อมนั้นจัดว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพอย่างดีอีกหนึ่งชนิด หรือจัดอยู่กลุ่มสมุนไพรเพื่อสุขภาพก็ได้เช่นกัน เป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง และมีคุณค่าทางสมุนไพรด้วย มะขามป้อมเป็นต้นไม้ประจำจังหวัดสระแก้ว มีชื่อพื้นเมืองอื่นอีกคือ กันโตด (เขมร - กาญจนบุรี) กำทวด (ราชบุรี) มะขามป้อม (ทั่วไป) มั่งลู่, สันยาส่า (กะเหรี่ยง - แม่ฮ่องสอน) 

มะขามป้อม เป็นสมุนไพรพื้นบ้านที่เปี่ยมไปด้วยสรรพคุณมากมาย มีผลิตภัณฑ์หลายๆ ชนิดที่นำสรรพคุณของมะขามป้อมไปใช้ทั้งเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับรับประทาน และผลิตภัณฑ์สำหรับเสริมความงามประเภทเครื่องสำอาง สำหรับสาวๆ ที่รักความสวยงาม ในอินเดียเชื่อว่าการรับประทานมะขามป้อม เป็นประจำ จะช่วยบำรุงสายตา บำรุงผิว และบำรุงผม ส่วนคนไทย นอกจากจะใช้มะขามป้อมเป็นยาแก้หวัด แก้ไอ ละลายเสมหะแล้ว ยังใช้บำรุงผิวช่วยให้ผิวหน้าขาวแก้ฝ้า

จากการวิจัยในปัจจุบันพบว่า มะขามป้อม มีฤทธิ์ต้านไข้หวัดทั้งในหลอดทดลองและมนุษย์ ในผลของมะขามป้อมมีสารโปรตีนไซยานิน (cyanin) ที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับวิตามินซี (Vitamin C) แต่ทนความร้อนไม่ถูกออกซิไดซ์ง่าย จึงมีความคงตัวสูงซึ่งเป็นข้อดีกว่าวิตามินซีทั่วไป มะขามป้อมมีฤทธิ์ในการป้องกันการเกิดมะเร็ง โดยการกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น

สรรพคุณทางยา

มะขามป้อม ตามตำรับยาไทยสามารถใช้แก้หวัด แก้ไอได้ดี เป็นที่รู้กันในทุกประเทศที่มีมะขามป้อม ระบุสรรพคุณในการแก้หวัด แก้ไข้ ซึ่งอาจเนื่องมาจากวิตามินซีหรือสารในกลุ่มแทนนิน อาการเป็นหวัด ไอ เจ็บคอ ปากคอแห้ง ให้ใช้ผลสด 15-30 ผล คั้นเอาน้ำมาจากผลหรือต้มทั้งผลแล้วดื่มแทนน้ำเป็นครั้งคราว

ตามตำราไทยเชื่อว่า ของที่มีรสเปรี้ยวทุกชนิดช่วยละลายเสมหะ และหมอยาพื้นบ้านเชื่อว่า รสเปรี้ยวที่ละลายเสมหะและบำรุงเสียงได้ดีที่สุดคือ มะขามป้อม ปัจจุบันมีการศึกษาพบว่า ในมะขามป้อมมีสารที่ละลายน้ำได้มีฤทธิ์ละลายเสมหะ เป็นยาแผนโบราณเป็นที่นิยมของทั้งผู้ใช้ยาและแพทย์ โดยตำรับยาทำได้ง่ายๆ เพียงแต่นำมะขามป้อมแห้งมาต้มแล้วแต่งรส มะขามป้อมที่จะนำมากินแก้ไอเจ็บคอควรเลือกลูกที่แก่จัดผิวออกเหลือง

เมื่อมีอาการเป็น หวัด ไอ ให้นำมะขามป้อมสดมาเคี้ยวอมกับเกลือทุกครั้งที่มีการไอ ถ้าไม่ไอแต่ยังมีไข้อยู่ ก็ควรอมมะขามป้อมเพื่อให้ชุ่มคอและขับเสมหะ เป็นการป้องกันการไอได้ด้วยการละลายเสมหะ แก้การกระหายน้ำ ใช้ผลแก่จัดมีรสขม อมเปรี้ยว อมฝาด เมื่อกินแล้วจะรู้สึกชุ่มคอ ใช้สำหรับช่วยละลายเสมหะ กระตุ้นให้เกิดน้ำลาย จึงช่วยแก้การกระหายน้ำได้ดี หรือใช้ผลแห้งประมาณ 6-10 กรัม ถ้าใช้ผลสดประมาณ 10 กรัม ต้มกับน้ำดื่ม หรือคั้นเอาน้ำสำหรับดื่มขับเสมหะ หรือช่วยระบายของเสียให้ใช้ผลสด 5-15 ผล ต้มหรือคั้นน้ำมาดื่ม

ข้อควรระวัง
  • ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ท้องเสียง่าย เนื่องจากมะขามป้อมมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
  • ยาน้ำแก้ไอผสมมะขามป้อมห้ามใช้ในผู้ป่วยเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมน้ำตาลได้

krabok isan almond

กระบก หรือ อัลมอนด์อีสาน

กระบก (ชื่อวิทยาศาสตร์ Irvingia malayana) เป็นไม้ในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาคเหนือเรียก มะมื่น ภาคอีสานเรียก หมากบก ภาษาชองเรียก ชะอัง สุโขทัยและโคราชเรียก มะลื่น ภาษาส่วยในจังหวัดสุรินทร์เรียก หลักกาย เป็นไม้ยืนต้นในวงศ์ Irvingiaceae ไม่ผลัดใบ เปลือกสีเทาอ่อนปนน้ำตาล ใบเดี่ยวเรียงสลับ ผิวเกลี้ยง ดอกขนาดเล็กมีขนนุ่ม ออกดอกรวมกันเป็นช่อโตที่ปลายกิ่ง สีขาวอมเขียวอ่อน ผลกลมรี ขนาดใกล้เคียงกับมะม่วงกะล่อน ผลอ่อนสีเขียว เมื่อแก่จะเข้มขึ้น สุกเป็นสีเหลืองอมเขียว เนื้อเละ เมล็ดแห้ง

กระบกเป็นไม้ป่าของประเทศไทย พบได้ตาม ป่าเต็งรังและป่าดิบแล้ง ในอดีตชุมชนพื้นถิ่นเก็บเมล็ดกระบกมาคั่วให้สุก แล้วนำไปตำในครก ปรุงรสด้วยเกลือและน้ำตาล เมื่อตำละเอียดจะมีน้ำมันออกมา คล้ายเนยถั่ว รสชาติหวาน มัน เค็ม ในภาคอีสานใช้ทานกับข้าวเหนียว ส่วนภาคตะวันออกใช้ผสมกับข้าวสวย เรียกว่า กระราง หรือ ข้าวราง รวมไปถึงยังเป็นอาหารสำหรับคนที่เข้าป่า ขณะที่ปัจจุบัน ชาวบ้านทั่วไปมักนิยมนำเมล็ดมาคั่วทานเป็นของขบเคี้ยวเนื่องจากมีความกรอบมัน โดยหาซื้อได้ตามตลาดพื้นบ้านและตลาดทั่วไป จนได้ชื่อ อัลมอนด์อีสาน หรือ อัลมอนด์เมืองไทย

kratok almond

กระบก มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สูงได้ถึง 30 เมตร ต้นหนึ่งสามารถให้ผลจำนวนมาก การออกผลและร่วงหล่นจากต้นช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม การเก็บมาใช้ประโยชน์จะต้องนำไปตากแดดจนแห้งใช้เวลาประมาณ 1 เดือน หรือปล่อยให้แห้งตามธรรมชาติ ก็จะเก็บได้ช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม

เมล็ดกระบกมีสารอาหารมากมายที่มีคุณค่าทางโภชนาการ อาทิ โปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, แคลเซียม, ธาตุเหล็ก, ไขมันชนิดอิ่มตัว กรดลอริก ไมริสติก กรดสเตียริก กรดปาล์มมิติก, ไขมันชนิดไม่อิ่มตัว กรอดโอเลอิก กรดไลโนเลอิก กรดปาล์มมิโตเลอิก

ประโยชน์ของกระบก
  • เมล็ดกระบกใช้ทำของว่าง เช่น นำเมล็ดที่อยู่ข้างในมาคั่วกิน รสมันกรอบอร่อย ถือเป็นพืชเศรษฐกิจของชุมชนอีกชนิดหนึ่ง หรือนำเมล็ดมาเคลือบงา-คาราเมล เป็นส่วนผสมของเบเกอรี่ และแปรรูปเป็นแป้งกระบกเพื่อทำข้าวเกรียบ
  • น้ำมันสกัดจากเมล็ดใช้ทำอาหาร หรือเป็นวัตถุดิบในผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอางและอาหารเสริมบำรุงร่างกาย
  • ผลสุกเป็นอาหารทั้งสัตว์ป่าและสัตว์เลี้ยง เช่น วัว ควาย
  • เนื้อไม้มีความแข็งและหนัก จึงนิยมนำมาใช้ทำเครื่องมือต่างๆ เช่น ครก สาก ใช้ในงานก่อสร้าง และทำถ่านที่ให้ความร้อนสูง
  • นิยมนำต้นกระบกไปจัดสวนในพื้นที่โล่งกว้าง ตามสวนสาธารณะ และสวนสัตว์ เพื่อเป็นอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์

mark mao

หมากเม่า หรือมะเม่า

มะเม่า ชื่อวิทยาศาสตร์ Antidesma puncticulatum Miq. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Antidesma bunius var. thwaitesianum (Müll.Arg.) Trimen, Antidesma thwaitesianum Müll.Arg.) จัดอยู่ในวงศ์มะขามป้อม (PHYLLANTHACEAE) มะเม่า มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า หมากเม้า บ่าเหม้า (ภาคเหนือ), หมากเม่า (ภาคอีสาน), มะเม่า ต้นเม่า (ภาคกลาง), เม่า, เม่าเสี้ยน, หมากเม่าหลวง, มะเม่าหลวง, มัดเซ เป็นต้น พืชในตระกูลมะเม่ามีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 170 ชนิด และกระจายอยู่ในเขตร้อนของเอเชีย แอฟริกา ออสเตรเลีย หมู่เกาะอินโดนีเซีย และเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่จะมีอยู่เพียง 5 สายพันธุ์เท่านั้นที่พบได้มากในประเทศไทย ซึ่งได้แก่ มะเม่าหลวง มะเม่าสร้อย มะเม่าไข่ปลา มะเม่าควาย และมะเม่าดง แต่ถ้าหากเราพูดถึง “มะเม่า” เฉยๆ ก็จะหมายถึง เม่าหลวง นั่นเองครับ 

มะเม่าหลวง เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย โดยผลมะเม่าสุกจะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายหลายชนิด เช่น มีกรดอะมิโนที่ร่างกายต้องการมากถึง 18 ชนิดจากทั้งหมด 20 ชนิด นอกจากนี้ยังมีแคลเซียม เหล็ก สังกะสี และวิตามินต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และยังมีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการต่างๆ อีกด้วย 

สรรพคุณของมะเม่า
  • ผลมะเม่าสุกจะมีสารแอนโทไซยานิน (Anthocyanin) ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันมะเร็ง ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย และยังช่วยชะลอความแก่ชราได้อีกด้วย
  • รสฝาดของผลมะเม่าสุก จะมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยยับยั้งไม่ให้ผนังหลอดเลือดเสื่อมหรือเปราะง่าย
  • รสขมของมะเม่าจะมีสารแทนนิน (Tannin) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยทำให้เกล็ดเลือดจับตัวกันน้อยลง จึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจล้มเหลวได้
  • ผล, ราก, ต้น, ใบ, ดอก ทั้งห้าส่วนของมะเม่าใช้ต้มดื่มเป็นประจำเป็นยาอายุวัฒนะได้ 
  • น้ำมะเม่าสกัดเข้มข้นใช้เป็นอาหารบำรุงสุขภาพได้ดีเหมือนน้ำลูกพรุนสกัดเข้มข้น มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ
  • มะเม่ามีศักยภาพในการช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันและยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อ HIV อีกด้วย 
  • ช่วยบำรุงสายตา (ผลสุก) ช่วยแก้กษัย (ต้น, ราก) มะเม่าหลวง ช่วยขับโลหิต (ต้น, ราก)
  • มะเม่ามีสรรพคุณช่วยฟอกโลหิต (ผลสุก) มีสรรพคุณทางยาช่วยขับเสมหะ (ผลสุก)
  • ผลมีสรรพคุณเป็นยาระบาย (ผลสุก) ช่วยขับปัสสาวะ (ต้น, ราก) ช่วยแก้มดลูกพิการ (ต้น, ราก) ช่วยแก้มดลูกอักเสบช้ำบวม (ต้น, ราก) ช่วยแก้อาการตกขาวของสตรี (ต้น, ราก) ช่วยขับน้ำคาวปลา (ต้น, ราก) ช่วยบำรุงไต (ต้น, ราก)
  • ช่วยแก้เส้นเอ็นพิการ (ต้น, ราก) ช่วยแก้และบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (ต้น, ราก)
  • ใบมะเม่านำไปอังไฟแล้วนำมาประคบใช้รักษาอาการฟกช้ำดำเขียวได้ (ใบ) ใบสดนำมาตำใช้พอกรักษาแผลฝีหนองได้ (ใบ)

mak mao wine

ประโยชน์ของมะเม่า

  • ผลสุกใช้รับประทานเป็นผลไม้ได้ หรือจะนำมาทำเป็นส้มตำมะเม่าก็ได้เช่นกัน
  • ยอดอ่อนของมะเม่าใช้รับประทานเป็นผักสดได้ (ยอดอ่อน)
  • ผล สามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ได้หลายอย่าง เช่น แยม น้ำผลไม้ หรือนำไปทำเป็นไวน์เกรดคุณภาพสูง เป็นต้น
  • น้ำหมากเม่าหรือน้ำคั้นที่มาจากผลมะเม่าสุกสามารถนำไปทำสีผสมอาหารได้ โดยจะให้สีม่วงเข้ม แถมยังปลอดภัยต่อผู้บริโภคอีกด้วยครับ
  • เนื้อไม้ของต้นมะเม่าสามารถนำมาใช้ทำเป็นที่อยู่อาศัยหรือทำเป็นเฟอร์นิเจอร์ได้
  • พระสงฆ์ในแถบเทือกเขาภูพานใช้เป็นน้ำปาณะมาตั้งแต่สมัยโบราณกาล
  • ประโยชน์ของมะเม่าอย่างอื่นก็เช่น การปลูกเป็นไม้ประดับหรือใช้ปลูกเพื่อเป็นร่มไม้ เป็นต้น

bug e koay

องุ่นป่า หรือบักอีโก่ย

หลายๆ คนอาจจะไม่ค่อยคุ้นชื่อ หรือคุ้นกับรูปร่างลักษณะของผลไม้ชนิดนี้ องุ่นป่า หรือบักอีโก่ย เป็นผลไม้ในพื้นที่แถบภาคอีสาน มักจะขึ้นอยู่ตามป่าเขา โดยองุ่นป่านั้นมักจะเติบโตในพื้นที่ป่าเป็นหลัก เป็นไม้เลื้อยล้มลุก หมากกี่โก่ยหรือองุ่นป่า ผลไม้ป่าอีสานที่กำลังจะสูญพันธุ์ จึงมีการนำต้นต่อในการพัฒนาเสียบยอด ติดตา กับองุ่นสายพันธุิ์ต่างๆ ที่เราพบในปัจจุบัน เพื่อให้พืชชนิดนี้ที่ถูกทำลายโดยมนุษย์ที่รู้เท่าไม่ถึงการ ควรอนุรักษ์ไว้ได้ใช้ประโยชน์มากมาย ในภาคอีสานก็มีการนำมาปลูกเพื่อขยายพันธุ์ให้กับต้นองุ่นป่าได้เป็นอย่างดี

อีโก่ย หรือ ตะเปียงจู (องุ่นป่า) ชื่อสามัญ : องุ่นป่า , เถาเปรี้ยว ชื่อวิทยาศาสตร์ Sciencetific name : Ampelocissus martinii Planch. จัดอยู่ในวงศ์ : VITACEAE (VITIDACEAE) ชื่อเรียกอื่นๆ เช่น เครืออีโกย (อีสาน) กุ่ย (อุบล) เถาวัลย์ขน (ราชบุรี) ส้มกุ้ง (ประจวบฯ) ตะเปียงจู องุ่นป่า (สุรินทร์) 

อีโก่ย หรือ ตะเปียงจู (องุ่นป่า) เป็นไม้เลื้อยล้มลุก หลายฤดู ลำต้น ไม่มีเนื้อไม้ ใบ เดี่ยวรูปหัวใจเว้าลึกเป็น 5 พู ผิว ใบอ่อนมีขน เป็นเส้นใยแมงมุมปกคลุม มีขนอ่อนสีชมพูที่มีต่อมแซม (glandularhair) ขอบใบหยักฟันเลื่อย ดอก ออกเป็นช่อแบบพานิเคิล (panicle) ดอกย่อยมีขนาดเล็กสีชมพูอ่อน กลีบดอก 4 กลีบ การขยายพันธุ์ ด้วยเมล็ดหรือแตกยอดใหม่จากเหง้าใต้ดิน นิเวศวิทยาและการแพร่กระจาย พบทั่วไปตามป่าเบญจพรรณในที่ร่มชื้น เถาจะงอกในช่วงฤดูฝน

ประโยชน์และความสำคัญ

ใช้ประโยชน์ทางอาหาร ยอดอ่อน รับประทานเป็นผักสดมีรสหวานอมเปรี้ยว ผลอ่อนต้มตำน้ำพริก หรือใส่ส้มตำ เพราะมีรสเปรี้ยว ถ้ารับประทานดอกมากจะทำให้ระคายคอ ชาวบ้านจะจิ้มเกลือก่อน รับประทานจะลดอาการระคายคอ หรือนำผลสุกมาตำใส่ส้มตำ (ที่มา : สถาบันเทคโนโลยีราชมงคล) นอกจากนี้จาก คุณสมบัติที่ทนทานและหากินเก่งขององุ่นป่า จึงมีการนำมาเป็นต้นตอขององุ่น พันธุ์ต่างๆ ซึ่งก็จะช่วยให้องุ่นป่าของเราไม่สูญพันธุ์ไป

สรรพคุณทางยาสมุนไพร (ยาพื้นบ้านอีสานใช้)

ฝนดื่มแก้ไข้ ผสมลำต้นหรือรากรสสุคนธ์ เหง้าสัปปะรด ลำต้นไผ่ป่า ลำต้นไผ่ตง งวงตาล เปลือกต้นสะแกแสง ลำต้นหรือรากเถาคันขาว ผลมะพร้าว ลำต้นรักดำ ลำต้นก้อม ลำต้นโพ หญ้างวงช้างทั้งต้น รากกระตังบาย เปลือกต้นมะม่วง ลำต้นหนามพรม รากลำเจียก ลำต้นอ้อยแดง ลำต้นเครือพลูช้าง เหง้าหัวยาข้าวเย็นโคก และเปลือกต้นกัดลิ้น ต้มน้ำดื่ม รักษาฝีแก้อาการ

ตำรับยาชาวจีน
  1. ปวดเมื่อยเนื่องจากหวัดแดด-องุ่นป่า 1 ตำลึง ต้มน้ำเติมนํ้าตาลแดง หรือต้มกับขี้หนอนเถา อย่างละครึ่งตำลึง
  2. ลงท้องเนื่องจากหวัดแดด-องุ่นป่า 1 ตำลึง ต้มนํ้าชงกับนํ้าตาลแดง
  3. บวมน้ำ-องุ่นป่า 1 ตำลึง แปะมิ่งหง ครึ่งตำลึง ต้มนํ้า ห้ามกินเค็ม หรือใช้องุ่นป่า 1 ตำลึง ไคร้หางหมา ครึ่งตำลึง ต้มกับปูน้ำ หรือองุ่นป่าและลูกเดือย อย่างละ 1 ตำลึง พร้อมกับ แปะมิ่งหง ถั่วแดง มะละกอ อย่าละ 3 เฉียน ต้มนํ้ารับประทาน
  4. เด็กบวมนํ้า-องุ่นป่าครึ่งตำลึง แปะมิ่งหง 3 เฉียน ต้มนํ้า
  5. ปวดเมื่อยตามข้อ-องุ่นป่า 1 ตำลึง ต้มน้ำ
  6. ผื่นตามตัว-องุ่นป่าครึ่งตำลึง แปะมิ่งหง 3 แยน เปลือกถั่วดำ 1 ตำลึง ต้ม 2 เฉียน หรือองุ่นป่าครึ่งตำลึง ต้มกับดอกเงินทอง

isan word tip

: Our Web Site.

krumontree200x75
easyhome banner
ppor 200x75
isangate net
e mail
นโยบายความเป็นส่วนตัว Our Policy

ยินดีต้อนรับสู่ประตูอีสานบ้านเฮา เว็บไซต์ของเรา ใช้คุกกี้ (Cookies) เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และนโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)

Ribbon