- Details
- Written by: Webmaster
- Category: Dhamma
- Hits: 14130
A rare documentary of the international forest temple : Wat Pah Nanachat, Upon Ratchathani, Thailand.
วัดป่านานาชาติ เป็นวัดราษฎร์ วัดป่า สายวัดหนองป่าพง ที่ตั้งอยู่ในบ้านบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2518 โดยมีหลวงปู่ชา สุภทฺโท (พระโพธิญาณเถร) จากวัดหนองป่าพงเป็นผู้ก่อตั้ง ถ้าเดินทางออกจากตัวจังหวัดอุบลราชธานีโดยเริ่มที่ ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราชธานี หรือสถานีขนส่งผู้โดยสารอุบลราชธานี หรือสถานีรถไฟอุบลราชธานี มุ่งหน้าไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 226 (วารินชำราบ - ศรีสะเกษ) ประมาณ 8 กิโลเมตร ถึงบ้านบุ่งหวาย ในเขตอำเภอวารินชำราบ แล้วเลี้ยวขวาเข้าไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตรก็ถึงวัดป่านานาชาติแล้วครับ
แผนที่แสดงเส้นทางสู่วัดป่านานาชาติ บ้านบุ่งหวาย
ตำบลบุ่งหวาย อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
เว็บไซต์ทางการ วัดป่านานาชาติ : www.watpahnanachat.org
มูลเหตุและแรงดลใจในการสร้างวัดคือ พระสุเมโธ (ปัจจุบันคือ พระราชสุเมธาจารย์) ชาวอเมริกัน ในปี พ.ศ. 2510 ได้มาอยู่กับหลวงปู่ชาเป็นครั้งแรก หลังจากนั้น ก็ได้มีพระภิกษุชาวต่างชาติทยอยกันเดินทางเข้ามาขอบวช และอยู่กับหลวงปู่ชามากขึ้น จนกระทั่ง พ.ศ. 2518 วัดหนองป่าพงมีพระสงฆ์ทั้งพระไทยและพระต่างชาติ จำพรรษาอยู่เป็นจำนวนมาก ไม้ฟืนที่ใช้บ่มบาตรก็หายาก หลวงปู่ชาจึงได้อนุญาตให้พระชาวต่างชาติบางรูป ออกมาหาฟืนที่ป่าช้าบ้านบุ่งหวาย ซึ่งมีต้นไม้มาก ฟืนก็หาง่าย
ชาวบ้านบุ่งหวายมีจิตศรัทธาในพระสงฆ์วัดหนองป่าพง จึงได้นิมนต์คณะพระภิกษุสามเณรชุดแรกซึ่งมี 6 รูป ทำการบ่มบาตรที่ป่าช้าบ้านบุ่งหวาย และปักกลดพักวิเวกปฏิบัติธรรมต่อ เมื่ออยู่ได้ 3 วัน ญาติโยมได้ช่วยกันสร้างศาลามุงหญ้าคาพอหลบฝน หลังจากนั้นไม่นานชาวบ้านบุ่งหวายได้ไปกราบหลวงปู่ชา ขอนิมนต์ให้พระเณรอยู่จำพรรษาต่อ หลวงปู่ชาเมตตาให้สร้างสำนักสงฆ์ และมอบหมายให้ พระอาจารย์สุเมโธ เป็นหัวหน้าสำนัก ญาติโยมจึงได้แบ่งกันเป็นเจ้าภาพในการสร้างกุฏิและเพิงมุงหญ้าคาถวาย
ในพรรษาแรกนั้นมีพระทั้งหมด 10 รูป และผ้าขาว 1 คน หลวงพ่อชาตั้งชื่อวัดว่า "วัดป่าอเมริกาวาส" เนื่องด้วยในช่วงนั้นมีแต่พระฝรั่งชาวอเมริกันมาบวช ต่อมามีชาวตะวันตกหลายเชื้อชาติสนใจเข้ามาศึกษาพระธรรม คำสอน การฝึกสมาธิจำนวนมาก ท่านจึงได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "วัดป่านานาชาติ" เพื่อให้สอดค้องกับความสนใจของชาวต่างชาติ มากมายหลายประเทศทั่วโลก ต่อมาปี พ.ศ. 2519 คณะศรัทธาญาติโยมได้นำกฐินมาทอดและได้สร้างศาลาใหม่ ในปี พ.ศ. 2528 เริ่มสร้างวิหาร (พระอุโบสถ) ในตำแหน่งที่พบเสมาเก่า เพื่อให้พระสงฆ์ใช้สวดทำสังฆกรรมต่างๆ ซึ่งสร้างเสร็จในอีกสองปีต่อมา
พ.ศ. 2530 ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนา ในชื่อ "วัดป่านานาชาติ" เป็นวัดสาขาที่ 19 ของวัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
เนื่องจากพระชาวต่างชาติมีเพิ่มมากขึ้นทุกปี ญาติโยมจึงได้มีจิตศรัทธาถวายที่ดินเพิ่ม ปัจจุบัน (พ.ศ.2558) มีเนื้อที่วัดทั้งหมด 343 ไร่ มีกุฏิ 52 หลัง พ.ศ. 2536 ได้ทำกำแพงล้อมรอบวัดทุกด้าน และได้มีการปลูกป่าทดแทนขึ้นจากเดิมที่เป็นเพียงไร่ปอที่ถูกทิ้งร้างไว้ ซึ่งปัจจุบันได้กลายเป็นป่าที่สมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว
แผนที่แสดงขอบเขตของวัดป่านานาชาติในปัจจุบันนี้
เดือนกันยายน พ.ศ. 2541 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เป็นวัดโดยสมบูรณ์
โบราณว่า น้ำบ่อหน้า อย่าได้หมาย แต่อย่าหน่าย จนหยุด ไม่ขุดต่อ
คนโง่ว่า น้ำหมด อดใจรอ ไม่ขุดบ่อ แล้วจะได้ อะไรกิน
เดือนเมษายน พ.ศ. 2553 ได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่ ทดแทนหลังเดิมโดยหลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม (พระราชภาวนาวิกรม) เป็นผู้ออกแบบและดูแลควบคุมการดำเนินงานตลอดการก่อสร้าง โดยในครั้งนี้มีชาวบ้านบุ่งหวาย ร่วมกับพระภิกษุสามเณร ทั้งจากวัดหนองป่าพง และวัดป่านานาชาติ ได้ร่วมแรงสามัคคีช่วยกันก่อสร้าง จนเสร็จในเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 ศาลาหลังใหม่นี้มีชื่อว่า "ฐิตะธรรมศาลา"
วัดป่านานาชาติมีสาขา 2 แห่ง คือ
- สำนักสงฆ์ภูจ้อมก้อม ตั้งอยูที่ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
- สำนักสงฆ์เต่าดำ ตั้งอยู่ที่ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี
ยศและลาภ หาบไป ไม่ได้แน่ มีเพียงแต่ ต้นทุน บุญกุศล
ทรัพย์สมบัติ ทิ้งไว้ ให้ปวงชน แม้ร่างตน เขาก็เอา ไปเผาไฟ
วัตถุประสงค์แรกเริ่มของ หลวงปู่ชา ที่ตั้งวัดป่านานาชาติขึ้น คือ การเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาศึกษาพระธรรมวินัยเป็นภาษาอังกฤษ จนสามารถที่จะออกบวชเป็นพระภิกษุและปฏิบัติ ตามข้อวัตรสายวัดป่าได้
สำหรับผู้ที่จะเข้ามาบวชที่วัดป่านานาชาติ ไม่ว่าจะอายุเท่าใด "ต้องมาเป็นผ้าขาว 4-6 เดือน เป็นสามเณร 1 ปี" เพื่ออบรมบ่มนิสัยให้เหมาะแก่สมณะเพศ ก่อนที่จะบวชเป็นพระภิกษุได้ เมื่อได้ประสบการณ์ในการปฏิบัติแล้วและได้ศึกษาระบบพระธรรมวินัยพอสมควร คือ ระยะเวลาห้าพรรษา ก็สามารถช่วยเผยแผ่ศาสนาในวัดสาขาที่ต่างประเทศได้
เนื่องจากว่าการสื่อสารใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ผู้ที่ตั้งใจจะบวชที่วัดป่านานาชาติต้องมีความรู้ภาษาอังกฤษพอสมควร ในปัจจุบัน พระภิกษุสามเณรสังกัดวัดป่านานาชาติที่อยู่ในเมืองไทย ทั้งหมดมีประมาณ 40 รูป รวมประมาณ 20 สัญชาติ
หลวงปู่ชายังมุ่งหมายให้วัดป่านานาชาติ เป็นที่ฝึกพระภิกษุให้มีคุณสมบัติเป็นผู้นำสงฆ์และปกครองวัดด้วย จึงมีพระภิกษุที่ไปจากวัดป่านานาชาติหลายรูป ที่ได้ไปตั้งสำนักสงฆ์สาขาในต่างประเทศขึ้น ซึ่งกระจายอยู่ในประเทศอังกฤษ เยอรมัน อิตาลี โปรตุเกส สวิสเซอร์แลนด์ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อเมริกา แคนาดา และมาเลเซีย เพื่อจะสร้างคณะสงฆ์ในประเทศนั้นขึ้น และให้กำลังใจแก่ญาติโยมในการปฏิบัติ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ จำนวนพระภิกษุที่ผ่านการอบรมจากวัดป่านานาชาติ และยังครองเพศบรรพชิตอยู่ปัจจุบันมีประมาณ 100 กว่ารูปทั่วโลก
วัวควายตาย เหลือไว้ เพียงเขาหนัง ช้างตายยัง เหลืองา เป็นศักดิ์ศรี
คนเราตาย เหลือไว้ แต่ชั่วดี บรรดามี ประดับไว้ ในโลกา
วัดป่านานาชาติเป็นวัดสายวิปัสสนากรรมฐาน และยึดปฏิปทาพร้อมทั้งข้อวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ชาเป็นหลัก เพราะฉะนั้นวัดป่านานาชาติเน้นการศึกษาและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
หน้าที่พิเศษของวัดป่านานาชาติคือ การแนะนำชีวิตบรรพชิตให้ชาวต่างชาติ นอกจากนั้น วัดป่านานาชาติยังให้การศึกษาด้านศาสนาพุทธแก่ญาติโยมชาวต่างชาติทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว นักการศาสนาต่างๆ ผู้มาแวะเยี่ยมเยือน ผู้ที่มีความสนใจด้านการวิปัสสนากรรมฐาน ปฏิบัติธรรม ภาวนา นั่งสมาธิ โดยอาจจะเข้าพักในวัด 3 วัน หนึ่งสัปดาห์ หรือมากกว่านั้น ตามความสนใจของแต่ละบุคคล และตามข้อกำหนดในกฎระเบียบการเข้าพักของวัด ซึ่งระหว่างที่พักอยู่ในวัดต้องนุ่งขาวห่มขาว ถือศีลแปด ประพฤติพรหมจรรย์ ทานอาหารมื้อเดียว และในแต่ละวันก็จะมีตารางกิจกรรมต่างๆ ให้ทำควบคู่ไปกับการศึกษาพระธรรมวินัย รับการอบรมกรรมฐาน ฟังพระธรรมเทศนาและการสนทนาธรรม แลกเปลี่ยนความคิดความเห็น
ทำบุญคน ไม่ขึ้น อย่ามึนหัว นึกถึงตัว เรามั่ง อย่างถ้วนถี่
ผู้ทำคุณ แก่เรา เท่าที่มี ได้ทดแทน ความดี แล้วหรือยัง
การใช้ภาษาอังกฤษในการอบรมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของวัดป่านานาชาติ การทำวัตรเช้าทำวัตรเย็นจึงแปลเป็นภาษาอังกฤษควบคู่กับภาษาบาลี
วัดป่านานาชาติ ยึดเอาพระวินัยเป็นแม่แบบในการปฏิบัติข้อวัตรต่างๆ เป็นหลัก จึงให้ความสำคัญในการแนะนำข้อวินัยบัญญัติต่อผู้ที่ต้องการลองเข้ามาศึกษารูปแบบชีวิตในผ้าเหลืองตั้งแต่แรก และเน้นการอบรมศึกษาด้านพระวินัยสำหรับเหล่าพระสงฆ์ที่บวชแล้ว ทางวัดได้จัดหลักสูตรการเรียนพระวินัยเป็นภาษาอังกฤษขึ้น ที่มีการร่วมกันศึกษาอภิปรายและแลกเปลี่ยนความเข้าใจอย่างละเอียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาสามเดือนในพรรษาทุกๆ ปี
ทางวัดยังทำหน้าที่ในการแปลและแจกหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา เป็นภาษาอังกฤษ เพื่อเผยแพร่ออกไปสู่ระดับสากล รวมถึงบทเรียนธรรมศึกษาเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการสอนพระปริยัติธรรมเบื้องต้นแก่พระภิกษุสามเณรชาวต่างชาติ ตามปกติวัดป่านานาชาติยังเป็นสถานที่สำหรับให้นักเรียน นักศึกษา ชาวบ้าน บุคคลทั่วไป ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มีความสนใจในพระพุทธศาสนา ได้สดับฟังพระธรรมเทศนา รักษาอุโบสถศีล และสนทนาธรรมโดยตลอดเรื่อยมา พร้อมทั้งมีการจัดห้องสมุดทางพระพุทธศาสนา
ทางด้านการสาธารณสงเคราะห์ วัดป่านานาชาติได้เล็งเห็นและให้ความสำคัญกับการศึกษา ทางวัดจึงได้ให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้วยการบรรยายธรรม รวมทั้งมอบทุนการศึกษาให้กับ นักเรียน โรงเรียน สถานศึกษา โรงเรียนพระปริยัติธรรม อีกทั้งให้การสนับสนุนด้านงบประมาณกับหน่วยงานราชการต่างๆ เช่น องค์การปกครองส่วนท้องถิ่น โรงพยาบาล มูลนิธิ กองทุนต่างๆ วัดอื่นๆ นอกเหนือจากสายวัดป่า โดยต่อเนื่องเรื่อยมา การปฏิบัติดังนี้เป็นการถ่ายทอดสืบต่อซึ่งข้อวัตรปฏิบัติปฏิปทาของหลวงปู่ชาเอาไว้
มาถึงวัด เห็นดิน และต้นไม้ ยังมิใช่ เห็นวัด ดั่งความหมาย
รู้จักวัด ต้องฝึกหัด ทั้งกายใจ จึงจะได้ บ่งชัด เห็นวัดจริง
ในฐานที่วัดป่านานาชาติเป็นวัดสายวัดป่า ทางวัดให้ความสำคัญมากในการอนุรักษ์ธรรมชาติ รักษาสิ่งแวดล้อม ทั้งในวัดป่านานาชาติเองและในสำนักสาขาทั้งสอง ซึ่งอยู่ในอุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่ง
ลำดับเจ้าอาวาสจากอดีต – ปัจจุบัน
- พระราชสุเมธาจารย์ (หลวงพ่อสุเมโธ) ชาวอเมริกัน พ.ศ. 2518-2519
- พระอาจารย์ปภากโร ชาวอเมริกัน พ.ศ. 2520-2521
- พระอาจารย์ชาคโร ชาวออสเตรเลีย พ.ศ. 2522-2524
- พระอาจารย์ปสันโน ชาวแคนาดา พ.ศ. 2525-2539
- พระอาจารย์ชยสาโร ชาวอังกฤษ พ.ศ. 2540-2544
- พระอาจารย์ญาณธัมโม ชาวออสเตรเลีย พ.ศ. 2545-2550
- พระครูอุบลภาวนาวิเทศ (เฮ็นนิ่ง เกวลี) ชาวเยอรมัน พ.ศ. 2551 - ปัจจุบัน
พระราชสุเมธาจารย์ (หลวงพ่อสุเมโธ) เจ้าอาวาสรูปแรกัดป่านานาชาติ
หัวใจถึงธรรม หนองป่าพง 2 โดย พระอาจารย์ สิริปัญโญ
(ปัจจุบันท่านจำพรรษาที่ สำนักสงฆ์เต่าดำ กาญจนบุรี สาขาที่ 2 ของวัดป่านานาชาติ)
งานปฏิบัติธรรมอาจาริยบูชา ประจำปี 2560 - พระธรรมเทศนา โดย พระครูอุบลภาวนาวิเทศ (เฮ็นนิ่ง เกวลี) เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560 ช่วงค่ำ
งานปฏิบัติธรรมอาจาริยบูชา ประจำปี 2560
พระชาวต่างชาติรูปแรก สอบผ่านพระอุปัชฌาย์ในระบบสงฆ์ไทย
พระครูอุบลภาวนาวิเทศ (เฮ็นนิ่ง เกวลี) เจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี (พระชาวเยอรมัน) สอบผ่านพระอุปัชฌาย์ในระบบสงฆ์ไทย ตามกฎมหาเถรสมาคม เป็นรูปแรก อดีตมีดีกรีนักวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ ศรัทธาในพระพุทธศาสนาบวชจนได้เป็นเจ้าอาวาสวัดป่านานาชาติ สายวัดหนองป่าพงของหลวงปู่ชา อุบลราชธานี เผยชอบนั่งสมาธิตั้งแต่เด็ก ศรัทธาวิธีสอนหลวงปู่ชา มาบวชในไทยตั้งแต่อายุ 28 ชี้ภูมิใจสอบผ่านพระอุปัชฌาย์ที่ยาก
พระครูอุบลภาวนาวิเทศ กล่าวว่า ตนมีความสนใจวิปัสสนากรรมฐานมาตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษาวิทยาศาสตร์ฟิสิกส์ ที่มหาวิทยาลัยฟรี กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี โดยได้ไปฝึกนั่งสมาธิที่วัดไทยในเยอรมนี จากนั้นจึงได้อ่านหนังสือสอนวิปัสสนากรรมฐานของหลวงปู่ชา ที่เขียน(แปล)เป็นภาษาอังกฤษ และเคยได้มาประเทศไทย ชอบวิถีวัฒนธรรมของคนไทย ชอบพระพุทธศาสนา เมื่อเรียนจบจึงตัดสินใจมาที่วัดป่านานาชาติ จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นวัดป่าสายหลวงปูชา จึงได้ตัดสินใจบวชที่วัดดังกล่าวในปี 2541 ตอนอายุประมาณ 28 ปี กระทั่งได้รับความไว้วางใจจากพระราชภาวนาวิกรม หรือหลวงพ่อเลียม วัดหนองป่าพง และได้รับความเมตตาจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร ในขณะนั้น สนับสนุนให้พระต่างชาติได้มาบวช และทำหน้าที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา
“การมาสอบพระอุปัชฌาย์ครั้งนี้ทางพระเถระ โดยพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร เจ้าคณะภาค 10 ท่านเห็นว่า ควรจะมีพระอุปัชฌาย์ในวัดป่านานาชาติ ทำหน้าที่บวชพระภิกษุทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เนื่องจากพระเถระในวัดก็มีอายุมากขึ้น จึงได้ส่งเสริมให้อาตมาเข้าสู่กระบวนการสอบพระอุปัชฌาย์ตามระบบคณะสงฆ์ไทย ถือเป็นพระภิกษุชาวต่างประเทศรูปแรก ที่ได้เข้ามาสอบในระบบคณะสงฆ์ไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งที่ผ่านมาสมเด็จเกี่ยวท่านได้เมตตาแต่งตั้ง รุ่นอาจารย์ เป็นพระอุปัชฌาย์เป็นกรณีพิเศษ เช่น หลวงพ่อสุเมโธ หรือพระราชสุเมธาจารย์ ท่านอมโร หรือพระวิเทศพุทธิคุณ ท่านปสันโน หรือพระโพธิญาณวิเทศ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม อาตมารู้สึกภูมิใจที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญเช่นนี้ ขอบคุณคณะสงฆ์ไทยที่ให้โอกาสพระชาวต่างประเทศ ได้ทำหน้าที่เหมือนกับพระสงฆ์ไทย ทำให้รู้สึกอบอุ่นใจเป็นเกียรติ เพราะที่ผ่านมาทางพระพรหมสิทธิ ท่านให้คำปรึกษาและส่งเสริมพระป่าสายวิปัสสนากรรมฐานมาโดยตลอด อีกทั้งการสอบพระอุปัชฌาย์ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพระสงฆ์ไทย โดยเฉพาะพระชาวต่างชาติอย่างอาตมาถือว่า ยากขึ้นไปอีก เพราะจะต้องท่องบาลีให้ถูกต้อง เขียนให้ถูกต้อง ผ่านทดสอบความรู้ตามพระธรรมวินัยอีกด้วย” พระครูอุบลภาวนาวิเทศ กล่าว
ข้อมูลจาก : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 28 มกราคม 2561
อ่านเพิ่มเติม : ฝรั่งกับการนับถือพระพุทธศาสนา | พระอุโบสถหลังใหม่วัดป่านานาชาติ
วัดหนองป่าพง | วัดป่านานาชาติ | ธรรมะจากหลวงพ่อชา | เส้นทางสู่ธรรมของหลวงพ่อ | งานอาจาริยบูชา 16 มกราคม
- Details
- Written by: Webmaster
- Category: Dhamma
- Hits: 12996
แผนที่แสดงเส้นทางสู่วัดหนองป่าพง จากตัวเมืองอุบลราชธานี
วัดหนองป่าพง ตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง หมู่ที่ 10 ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี ไปทางอำเภอกันทรลักษณ์ ตามถนนทางหลวงหมายเลข 2178 ประมาณ 8 กิโลเมตร โดยได้รับวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2517 ตามประกาศในพระราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 91 ตอนที่ 71 โดยกำหนดเขตกว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร มีพื้นที่ป่าภายในเขตกำแพง 186 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา
จุดเริ่มต้นของวัดหนองป่าพง เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2497 (ขึ้น 4 ค่ำ เดือน 4 ปีมะเส็ง) พระโพธิญาณเถร (ชา สุภทฺโท) ท่านได้เดินธุดงค์มาถึง "ดงป่าพง" ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านก่อไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 3 กิโลเมตร พร้อมด้วยลูกศิษย์จำนวนหนึ่ง เมื่อเดินทางมาถึง ก็ได้ทำการปักกลดเรียงรายอยู่ตามชายป่าประมาณ 5-6 แห่ง ดงป่าพงในสมัยนั้น มีสภาพเป็นป่าทึบรกร้าง ชุกชุมด้วยไข้ป่า ในอดีตป่าพงเป็นดงใหญ่ มีแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์ เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด ชาวบ้านเรียกดงดิบนี้ว่า “หนองป่าพง” เพราะใจกลางป่ามีหนองน้ำใหญ่ที่มีกอพงขึ้นอยู่หนาแน่น
ต่อมาบริเวณผืนป่าส่วนใหญ่ถูกทำลายหมดไป ยังคงเหลือเพียงส่วนที่เป็นบริเวณของวัดในปัจจุบันเท่านั้น สาเหตุที่ป่าส่วนนี้ไม่ถูกบุกรุกถากถาง เพราะชาวบ้านเชื่อถือกันว่า มีอำนาจลึกลับแฝงเร้นอยู่ในดงนั้น เพราะปรากฏอยู่เสมอว่า คนที่เข้าไปทำไร่ตัดไม้หรือล่าสัตว์ เมื่อกลับออกมามักมีอันต้องล้มตายไปทุกราย โดยที่หาสาเหตุไม่ได้ ชาวบ้านจึงพากันเกรงกลัวภัยมืดนั้น ไม่มีใครกล้าเข้าไปทำลาย หรืออาศัยทำกินในป่านี้เลย
จากวัดเล็กๆ ที่มีบรรณศาลา (กระท่อม) ไม่กี่หลัง จึงได้มีสิ่งก่อสร้างอันควรแก่สมณวิสัยเพิ่มเติม จนพอแก่ความต้องการในปัจจุบัน ทั้งที่พักอาศัยของภิกษุ สามเณร แม่ชี อุบาสก อุบาสิกาที่มาค้างแรมเพื่อปฏิบัติธรรม กระท่อมชั่วคราว ได้กลายมาเป็นกุฏิถาวรจำนวนมาก ศาลามุงหญ้า ซึ่งเคยใช้เป็นที่ฉันและแสดงธรรม ได้เปลี่ยนมาเป็นศาลาและโรงฉันอันถาวร กำแพงวัด หอระฆังเสนาเสนาะอื่นๆ ได้เพิ่มมากขึ้นจากแรงศรัทธา ความเลื่อมใสนั้นเอง
วัดหนองป่าพง เป็น วัดป่าฝ่ายอรัญวาสี เป็นสำนักปฏิบัติธรรม ที่แวดล้อมด้วยธรรมชาติ อันสงบอันสงัด มีบรรยากาศร่มเย็นเหมาะ แก่การพำนักอาศัยเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม ชีวิตพระในวัดหนองป่าพง มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่การประพฤติพรหมจรรย์ตามรอยพระยุคลบาท ของพระบรมศาสดา ที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพอย่างสงบเงียบ และเรียบง่ายภายในป่า เพื่อค้นคว้าแสวงหาทางพ้นทุกข์ แล้วทรงนำความรู้แจ้งเห็นจริงนั้น มาเผยแผ่เกื้อกูลความสุขแก่มหาชนทั่วไป
การดำเนินชีวิตในวัดหนองป่าพง ยึดหลักพระธรรมวินัยที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ เป็นแนวทางปฏิบัติฝึกหัดกายวาจาใจในชีวิตประจำวัน เน้นการศึกษาประพฤติ ปฏิบัติให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ในศีล สมาธิ ปัญญา พร้อมทั้งนำธุดงควัตร 13 วัตร 14 และกำหนดกฎกติการะเบียบต่างๆ มาผสมผสานเป็นแนวทางปฏิบัติ เพื่อส่งเสริมการบำเพ็ญสมณธรรมให้ดำเนินไปด้วยดี และมีความละเอียดลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แนวทางการปฏิบัติและธรรมชาติของป่าภายในสำนัก เป็นปัจจัยสำคัญ ส่งเสริมให้การดำรงชีวิตของพระภิกษุเป็นไปด้วยความเรียบง่าย สอดคล้องกับธรรมชาติ และประสานกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในหมู่คณะ ตามแบบของพระธุดงค์กรรมฐาน ผู้มีข้อวัตรปฏิบัติเป็นไปเพื่อขัดเกลาทำลายกิเลสที่ครูบาอาจารย์ได้พาดำเนินมา
จีวรและบริขารอื่นๆ ของภิกษุจะมีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งจัดรวบรวมไว้เป็นของสงฆ์หรือของส่วนกลาง มีภิกษุผู้รักษาเรือนคลังสงฆ์เป็นผู้แจกในกาลเวลาที่เหมาะสม การบริโภคอาหารมีเพียงมื้อเดียวตอนเช้า และฉันในบาตร เสนาสนะที่พักอาศัยเป็นกุฏิหลังเล็กๆ ตั้งอยู่ห่างกันในราวป่าท่ามกลางความร่มรื่นแห่งหมู่ไม้ เพื่อให้สามารถปฏิบัติภาวนาได้อย่างสงบ
แผนผังแสดงเส้นทางการจัดการจราจรภายในวัดหนองป่าพง (ช่วงวันจัดงานอาจาริยบูชา)
สถานที่สำคัญภายในวัดหนองป่าพง
สภาพแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติอันสงบและบริสุทธิ์ของป่า ช่วยให้จิตใจของผู้ประพฤติปฏิบัติได้สัมผัสกับความรู้สึกสงบเย็น สดชื่น เบิกบาน มีอิสระ เป็นความสุขที่ปราศจากความเร่าร้อน กระวนกระวาย เป็นปัจจัยให้เกิดกายวิเวก ความสงบกาย และอุปธิวิเวก ความสงบกิเลส อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุดของการประพฤติพรหมจรรย์ในพุทธศาสนาต่อไป สถาปัตยกรรมที่สำคัญของวัดหนองป่าพง คือ
พระอุโบสถ
เกิดจากแนวความคิดของหลวงพ่อชา ที่กล่าวว่า โบสถ์ คือ บริเวณหรืออาคารที่พระสงฆ์ใช้เป็นที่ร่วมทำสังฆกรรม ให้สร้างพอคุ้มแดดคุ้มฝน ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องประดับให้สิ้นเปลืองแต่อย่างใด หลวงพ่อชา จึงวางหลักเกณฑ์ในการสร้างอุโบสถให้กับสถาปนิกผู้ออกแบบ ดังนี้
- ตั้งอยู่บนเนินดินคล้ายภูเขา ให้พื้นโบสถ์ยกลอยสูงขึ้นจากพื้นดิน พื้นโบสถ์ส่วนที่ลอยนี้จะใช้เป็นถังเก็บน้ำฝนขนาดใหญ่
- ให้เข้ากับธรรมชาติมากที่สุด
- เรียบง่าย แข็งแรง ทนทาน ประหยัด
- ให้มีขนาดกว้างใหญ่ สำหรับพระภิกษุใช้ร่วมลงสังฆกรรมได้อย่างน้อย 200 รูป
- ให้มีเครื่องตกแต่งสิ้นเปลืองน้อยที่สุด ไม่ควรมีช่อฟ้าใบระกา ไม่ต้องมีผนัง มีประตู หน้าต่าง และฝนสาดไม่ถึง
ปรัชญาธรรมหลวงปู่ชา สุภัทโท สู่แนวคิด..โบสถ์..สมัยใหม่..ล้ำสมัย
โดยการก่อสร้างพระอุโบสถหลังนี้ ดำเนินการเขียนแบบโดย อาจารย์บำเพ็ญ พันธ์รัตนอิสระ อาจารย์แผนกสถาปัตยกรรมศาสตร์ วิทยาลัยเทคนิคโนโลยีและอาชีวศึกษา จังหวัดนครราชสีมา เป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรอำนวยการสร้าง ได้เขียนแบบแปลนโบสถ์ตามแนวความคิดของหลวงพ่อ ทั้ง 5 ประการ ถวายแก่หลวงพ่อ โดยไม่คิดค่าเขียนแบบและคำนวณโครงสร้าง สร้างรูปแบบอุโบสถสมัยใหม่ขึ้น มุ่งในประโยชน์ใช้สอย ประหยัด แข็งแรงทนทาน สร้างราวปี พ.ศ. 2518-2519 แล้วเสร็จผูกพัทธสีมาราวปี พ.ศ. 2527
รูปแบบอาคาร ได้พยายามดึงเอาส่วนที่เป็นเอกลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรมพื้นเมืองทางอีสาน เข้ามาผสมปนเปด้วย เป็นการสืบทอดเจตนารมณ์ทางวัฒนธรรม เสาอาคาร และผนังบางส่วนประดับด้วยเครื่องปั้นดินเผาจาก บ้านด่านเกวียน โดยมอบให้อาจารย์พิศ ป้อมสินทรัพย์ เป็นช่างปั้นและเผาสุก ภาพปั้นมีทั้งหมด 8 ภาพ เป็นภาพเกี่ยวกับปูชนียสถานสำคัญทางพุทธศาสนาของประเทศไทย 4 ภาพ และเป็นภาพปั้นแสดงเรื่องราวของหลวงพ่อที่กำลังธุดงค์อีก 4 ภาพ โบสถ์หลังนี้จึงมีความแตกต่างจากโบสถ์ทั่วๆ ไป ดังนี้
- พื้นอาสนะอยู่บนเนินดิน สูงจากระดับพื้นดินเดิม 4 เมตร
- ตัวโบสถ์สูงจากเนินดิน 17 เมตร เป็นทรงแหลมหลังคาเป็นโดมสูง ด้านหน้าหลังคา 3 ชั้น ด้านหลัง 2 ชั้น ใต้โดมเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน หลังคาคอนกรีตเปลือย
- ในเนินดินใต้โบสถ์เป็นถังน้ำขนาดใหญ่ 2 ถัง ขนาดกว้าง 5.5 เมตร ยาว 5.5 เมตร สูง 3.5 เมตร ทั้งสองถังจุน้ำรวมกัน 211,750 คิวบิกเมตร มีน้ำเพียงพอใช้ตลอดฤดูกาล
- มีอาสนะ 3 อาสนะใหญ่ มีพื้นที่ทั้งหมด 160 ตารางเมตร
- ไม่มีฝาผนัง ประตู หน้าต่าง และเครื่องประดับลวดลาย ลดค่าใช้จ่าย การก่อสร้างมุ่งประโยชน์ใช้สอยเป็นสำคัญ
- การไม่มีฝาผนัง ทำให้ทุกคนได้มองเห็น และมีความรู้สึกว่าได้เริ่มพิธีกรรมในโอกาสต่างๆ ด้วยสายตาได้ ทำให้เกิดความปลื้มสบายใจ เพราะได้พบเห็นพิธีกรรมต่างๆ นั้นเอง
หอระฆัง
ตั้งอยู่ทางทิศเหนือของหอฉัน ขนาดกว้าง 6 เมตร ยาว 6 เมตร สูง 15 เมตร บนยอดหอระฆังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เริ่มสร้างปี 2514 เสร็จเรียบร้อยเมื่อเดือนกันยายน 2517 ตามผนังประดับด้วยภาพปูนปั้น เรื่องราวพุทธประวัติ และสัตว์ที่มีอยู่ในป่าตามธรรมชาติของวัดหนองป่าพง เช่น ไก่ป่า กระรอก กระแต ตะกวด อันเป็นความคิดของหลวงพ่อ ปั้นโดย พ่อใหญ่บัวพา วงสิงห์ บ้านกลาง
กุฏิหลวงพ่อ
กุฏิหลังที่สาม เป็นกุฏิที่หลวงพ่อพำนักอยู่นานที่สุด ตั้งแต่ พ.ศ. 2507 - 2524 สร้างถวายโดยคุณครูทองคำ สุพิชญ์ อยู่ทางด้านทิศเหนือของโบสถ์ หลังคามุงสังกะสี บุฝ้าเพดาน ฝาและพื้นชั้นบนเป็นไม้แปรรูป มี 2 ห้อง พื้นชั้นล่างลาดซีเมนต์เปิดโล่ง หลวงพ่อมักนั่งรับแขกสนทนาธรรม ณ ใต้ถุนกุฏิแห่งนี้เป็นประจำ
กุฏิพยาบาล
เป็นกุฏิหลังสุดท้าย สร้างในปี พ.ศ. 2525 สร้างอยู่บนเนินซึ่งขุดดินจากบ่อน้ำข้างๆ นั้นขึ้นมาถมที่ให้สูงขึ้น เพื่อให้ได้รับลมตามธรรมชาติ อากาศถ่ายเทสะดวก ภายในกุฏิออกแบบเป็นพิเศษ ให้มีสภาพคล้ายกับห้องพิเศษของโรงพยาบาล ภายนอกกุฏิปลูกหญ้า จัดสวนหย่อมให้บรรยากาศร่มรื่น หลวงพ่อเมตตาเข้าพำนักตามคำนิมนต์เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2526
เจดีย์พระโพธิญาณเถร
เจดีย์นี้สร้างขึ้นเป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่าง สถาปัตยกรรมอีสาน กับ ล้านช้าง ส่วนองค์เจดีย์เป็นบัวเหลี่ยมตั้งอยู่บนฐานกลม ซึ่งเป็นอาคารโบสถ์ มีทางเข้าสี่ทิศ โดยศิษยานุศิษย์หลวงปู่ชา สุภทฺโท ได้สร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิหลวงปู่ชา ซึ่งท่านได้มรณภาพเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2535 เวลา 05.20 น.
ศิษยานุศิษย์ทั่วสารทิศมาชุมนุมกันในวันงานอาจาริยบูชา 16 มกราคม ทุกปี
ภายในเจดีย์พระโพธิญาณเถร
พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร
เป็นอาคารสามชั้นทรงไทยประยุกต์ มีโถงบันไดอยู่ตรงกลาง ชั้นล่างมีตู้แสดงโครงกระดูกมนุษย์อยู่สองข้าง ชั้นสองจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านที่ชาวบ้านนำมาถวายวัด และชั้นสามประดิษฐานหุ่นขี้ผึ้งขนาดเท่าจริงของหลวงปู่ชา ในท่านั่งอยู่บนเก้าอี้หวายและเครื่องอัฐบริขารของท่าน
พิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณเถร
สารคดี "วัดหนองป่าพง" - โครงการสามเณร ปลูกปัญญาธรรม
วัดหนองป่าพง | วัดป่านานาชาติ | ธรรมะจากหลวงพ่อชา | เส้นทางสู่ธรรมของหลวงพ่อ | งานอาจาริยบูชา 16 มกราคม
- Details
- Written by: Webmaster
- Category: Dhamma
- Hits: 13743
พระโพธิญาณเถร (หลวงพ่อชา สุภัทโท)
วัดหนองป่าพง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี
"ธรรมะของหลวงพ่อ" มิใช่แต่ให้ความร่มเย็นแก่ชาวอีสานเท่านั้น แม้ฝรั่งมังค่ายังให้ความ เคารพศรัทธาหลวงพ่อ จนถึงกับมาบวชเรียนศึกษาพุทธธรรม จนก่อเกิดเป็น "วัดป่านานาชาติ" เมื่อหลวงพ่อละสังขารจากไป เมื่อ 16 มกราคม 2535 จึงเป็นการจากไปเพียงสังขาร แต่คติธรรม ของหลวงพ่อซึ่งได้แสดงไว้ ณ หลายแห่งหลายที่ยังคงเป็นอมตะ สร้างความชุ่มฉ่ำในหัวใจคน ใฝ่ธรรมะอยู่เสมอ
ความตั้งใจสำหรับการจัดทำหน้านี้ขึ้น ก็เพื่อเป็นการรวบรวมและเผยแผ่ธรรมะ อันเกิดจากการเทศนาโปรดญาติโยมในวาระและโอกาสต่างๆ หลวงพ่อจะเทศนาเป็นภาษาอีสานบ้าง ภาษาไทยภาคกลางบ้าง แต่ที่นำมาเสนอนี้ได้ผ่านการเรียบเรียงให้เป็นภาษากลางๆ เพื่อให้ชาวไทยในทั่วทุกภาคได้รับและเข้าใจธรรมะนี้โดยทั่วกัน แต่สำหรับผู้จัดทำแล้วเห็นว่า การอ่านออกเสียงสำเนียงอีสานจะได้ข้อคิดข้อธรรมเห็นชัดกว่ามากทีเดียว (ท่านที่เว้าอีสานได้ก็ลองอ่านดูนะครับ)
|
มีบรรดาลูกศิษย์ลูกหาทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ได้สร้างเว็บไซต์เพื่อเผยแพร่ธรรมะของหลวงพ่อออกไปทั่วโลก สามารถติดตามได้จากลิงก์ด้านล่างนี้
- เว็บไซต์ทางการของ "วัดหนองป่าพง" "WatNongpahpong" เป็นภาษาอังกฤษ
- เว็บไซต์ที่รวมประวัติ คำสอน หลักธรรมต่างๆ "Forest Sangha" มีรายละเอียดให้อ่านเป็นภาษาอังกฤษ มีเสียงบรรยายธรรมหลายภาษา รายชื่อวัดสาขาในต่างแดนทั่วโลก
- เว็บไซต์ "วัดป่านานาชาติ" วัดสาขาที่สร้างขึ้นเพื่อให้ชาวต่างชาติได้ศึกษาเรียนรู้ธรรมะ ฝึกปฏิบัติตามคำสอนของหลวงพ่อชา โดยครูอาจารย์ชาวต่างชาติที่ล้วนเป็นศิษย์สายตรง
- เว็บไซต์ "Ajahnchah" รวบรวมประวัติ หลักคำสอนต่างๆ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ
- ช่อง Youtube Channel เสียงเทศนาของหลวงพ่อเป็นภาษาอีสาน สามารถติดตามได้ที่ลิงก์นี้ได้เลยครับ >>
- Link Download MP3- กัณฑ์เทศน์เสียงจริงหลวงปู่
ชา ภาษาอีสาน และภาษาอื่นๆ แบบรวมไฟล์ เป็น Zip ไฟล์ (เปิดลิงก์แล้วคลิกขวาที่ icon file เลือก Download) ตามภาพนี้
วัดหนองป่าพง | วัดป่านานาชาติ | ธรรมะจากหลวงพ่อชา | เส้นทางสู่ธรรมของหลวงพ่อ | งานอาจาริยบูชา 16 มกราคม