พระธาตุและธาตุ
"พระธาตุ" และ "ธาตุ" เป็นภาษาถิ่นของภาคอีสาน ที่ใช้เรียกอนุสาวรีย์หรือสิ่งก่อสร้างเพื่อบรรจุอัฐิธาตุของผู้วายชนม์ มีความหมายอย่างเดียวกับ "เจดีย์" หรือ "สถูป" ในภาษาภาคกลาง หากเรียกว่า
- "ธาตุ" ย่อมหมายถึง ที่บรรจุกระดูกของบุคคลธรรมสามัญ อันนับแต่ชาวบ้านไปจนถึงชาวเมืองและพระสงฆ์องค์เจ้าโดยทั่วไป แต่เมื่อใดที่เรียกว่า
- "พระธาตุ" แล้วย่อมหมายถึง สิ่งก่อสร้างที่ประดิษฐานแต่เฉพาะพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาพระพุทธเจ้า หรือพระอรหันต์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
สถาปนิกมักจะสร้างไว้ในพื้นที่สูง เพื่อให้เด่นและมองเห็นง่าย ออกแบบให้ดูสูงใหญ่ดูอลังการ ใช้ก่ออิฐถือปูนปั้นลวดลายประดับประดาสุดฝีมือ เต็มเปี่ยมด้วยศรัทธาเพื่ออุทิศแด่พระพุทธศาสนา ความโดดเด่นของรูปร่างมักแสดงออกตรงส่วน "ยอดธาตุ" มากกว่าส่วนอื่น ซึ่งจะมีทรงแตกต่างกันออกไป อาทิ ทรงบัวเหลี่ยม ซึ่งนิยมมากกว่ารูปแบบอื่น ทรงแปดเหลี่ยม และทรงระฆังคว่ำ เป็นต้น
พระธาตุหนองบัว อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี
ลักษณะเด่นเชิงรูปธรรม แนวคิดสัญลักษณ์ทางศาสนาคือดอกบัว ชาวอีสานนำมาประยุกต์เป็นอัตลักษณ์ของตนคือ ยอดธาตุเป็นทรงดอกบัวเหลี่ยม หรือ บัวสี่เหลี่ยม
ลักษณะเด่นเชิงนามธรรม พระธาตุเหมือนได้สักการะและระลึกถึงคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนธาตุเป็นการระลึกถึงบุญคุณของบรรพบุรุษ เป็นการแสดงความกตัญญู
พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย
รูปแบบของพระธาตุ สามารถจำแนกได้เป็น 6 กลุ่มดังนี้
- กลุ่มฐานต่ำ เช่น พระธาตุศรีสองรัก อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย สร้างเมื่อ พ.ศ. 2103
- กลุ่มฐานสูง เช่น พระธาตุพนม (องค์ก่อนบูรณะต่อเติม พ.ศ.2483) อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
- กลุ่มเรือนธาตุทำซุ้มจรนำ ยอดธาตุมีปลี 4 ทิศ เช่น องค์พระธาตุวัดมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
- กลุ่มเรือนธาตุทำซุ้มจรนำ ยอดธาตุบัวเหลี่ยม เช่น พระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
- กลุ่มยอดธาตุ 8 เหลี่ยม ตัวอย่างเช่น พระธาตุ 8 เหลี่ยมองค์หนึ่งในวัดพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ธาตุก่องข้าวเหนียว ในวัดทุ่งสะเดา บ้านสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดยโสธร
- กลุ่มย่อมุม 72 บัลลังก์เรือนธาตุ 8 เหลี่ยม ยอดพระธาตุทรงระฆังคว่ำ ตัวอย่างเช่น พระธาตุย่อเหลี่ยมองค์ใหญ่ (รัตนฆราเจดีย์) ในวัดพระธาตุบังพวน อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย พระธาตุย่อเหลี่ยมองค์เล็ก ในวัดพระธาตุบังพวน อีก 1 องค์ พระธาตุวัดกลาง อำเภอศรีเชียงใหม่ จังหวัดหนองคาย ซึ่งทางวัดได้ก่ออิฐปิดหมดแล้วทั้งองค์
พระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
พระธาตุเรณู อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม
“ธาตุ” ในครั้งแรกนิยมใช้ไม้ จึงเรียกว่า “ธาตุไม้” โดยใช้ไม้ถากให้เป็นท่อน 4 เหลี่ยมจตุรัส กว้างยาวไม่เกินด้านละ 30 ซม. แล้วตกแต่งบัวหัวเสาให้วิจิตรพิสดาร ต่อมาได้พัฒนามาใช้การก่ออิฐถือปูน ซึ่งสามารถทำได้ใหญ่โตและแข็งแรงยิ่งขึ้น เรียกว่า “ชะทาย” ซึ่งทำขึ้นจากปูนขาวผสมทราย ยางบงและน้ำหนังสัตว์เป็นตัวประสาน
ธาตุไม้ในอีสาน
ธาตุปูน จำแนกออกได้ตามความสำคัญของผู้ตาย ดังนี้
- ธาตุปูนบุคคลสามัญ ได้แก่ ธาตุใส่กระดูกของชาวบ้านธรรมดาทั่วๆไป มักทำขนาดไม่สูงใหญ่มีทั้งแบบเรียบ และปั้นปูนประดับเป็นลวดลายบริเวณเรือนธาตุ
- ธาตุปูนบุคคลสำคัญ ได้แก่ ธาตุของนายบ้าน กำนัน ครูใหญ่ หรือ บุคคลที่เป็นที่เคารพนับถือในหมู่บ้าน ตลอดจน ธาตุของเจ้าเมืองหรือลูกหลานผู้สืบทอดในวงศ์ตระกูล การก่อสร้างธาตุให้บุคคลเหล่านี้จะประณีตแตกต่างกว่าธาตุของบุคคลสามัญ
- ธาตุปูนพระสงฆ์ ได้แก่ ธาตุของพระเถระผู้ใหญ่ เจ้าอาวาส ญาคูหรือญาท่าน เป็นต้น มักก่อสร้างสูงใหญ่มีความซับซ้อนมากขึ้น ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ดูเด่นเป็นสง่าในวัด รองมาจาก “พระธาตุ”
นอกจากรูปแบบของ “ธาตุ” และ “พระธาตุ” แล้วยังมีรูปแบบของ “บือบ้าน” หรือ “หลักบ้าน” (ส่วนมากทำด้วยไม้) ของอีสานที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ “ธาตุไม้” ของสามัญชน ต่างกันแต่ว่าไม่มีช่องบรรจุอัฐิเท่านั้น นับเป็นศิลปกรรมพื้นบ้านอีกอย่างหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง
ธาตุปูน และ ธาตุไม้
ธาตุไม้และธาตุปูน
ธาตุไม้ คือ การนำแท่งไม้ 4 เหลี่ยมจัตุรัสขนาดประมาณ 15 - 25 ซม. ความสูงไม่จำกัด มาประดิษฐ์เป็นที่บรรจุอัฐิของสามัญชน นับเป็นงานพื้นฐานในเชิงช่าง เป็นมูลเหตุแห่การสร้างงานสถาปัตยกรรมประเภทอนุสาวรีย์ในโอกาสต่อมา
ธาตุปูน เป็นธาตุที่ทำด้วยปูน ไม่ใช้โครงเหล็ก เป็นงานฝีมือช่างที่พัฒนารูปแบบมาจากธาตุไม้ โดยมีองค์ประกอบของฐานธาตุ เรือนธาตุ และยอดธาตุ การบรรจุอัฐินั้นนิยมบรรจุในเรือนธาตุเป็นส่วนใหญ่ ธาตุปูนนิยมสร้างสำหรับบุคคลสามัญ บุคคลสำคัญ ตลอดจนเจ้านายและพระสงฆ์
ข้อมูลจาก : ห้องอีสานนิทรรศน์ หอศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น
[ อ่านเรื่องที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม : บรรจุภัณฑ์แห่งความตาย ]