"ดนตรี" เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เป็นดังภูมิปัญญาท้องถิ่นอันเป็นรากฐานของสังคมนั้นๆ ไม่เพียงแต่ใช้บรรเลงเพื่อความบันเทิงเท่านั้น ยังใช้ประกอบเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมต่างๆ อยู่เสมอ เครื่องดนตรีมีทั้งที่ทำจากไม้ โลหะ โดยมีส่วนประกอบของสัตว์ เช่น หนัง มาช่วยให้เกิดเสียง รวมทั้งมีการใช้ส่วนของเขาสัตว์มาทำเครื่องดนตรีด้วย เช่น “เสนง” หรือ “สะไน” ที่เรียกกันในภาคอีสาน ใกล้เคียงกับคำว่า “แสนง” ในภาษาเขมร ขณะที่ภาคใต้มีคำเรียกว่า “อูด” และชาวกูยเรียกว่า “ซัง” หรือ “เสนงเกล” เหล่านี้ล้วนเป็นชื่อเรียกของเครื่องเป่าที่ทำขึ้นจากเขาควาย ตามความหมายในพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน
สะไน เครื่องเป่าที่ทำขึ้นจากเขาสัตว์ ที่คลังกลางพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เก็บรักษาไว้
เป็นของรับมอบจาก นายเมธี สุตันตานนท์ ที่ได้รับตกทอดมาจากพันเอกนายวรกรบัญชา (บุญเกิด สุตันตานนท์)
เครื่องเป่าเขาควายชิ้นนี้มีลักษณะโค้งงอน ตัดส่วนแหลมที่ปลายเขาออก ประดับด้วยแผ่นเงินดุนลายห่างกันเป็นระยะ ส่วนกลางของเครื่องเป่าเจาะช่องทำเป็นรูลิ้น บ้างเรียก “รูลิ้นสะไน” การเป่าจะเป่าบริเวณรูลิ้นสะไน ส่วนปลายเขาจะใช้นิ้วหัวแม่มืออุดเอาไว้ ขณะที่มืออีกข้างใช้ปิดหรือตบให้เกิดเสียงที่แตกต่างกัน
เสนงเกล ซัง สะไน หรือปี่เขาควาย ภูมิปัญญาเครื่องดนตรีศักดิ์สิทธิ์ มีบทบาทหน้าที่คล้ายกับสังข์ และกาหลของอินเดียโบราณ ในขณะที่ทำพิธีก็จะมีการเป่า "ซัง" หรือ "สเนงเกล" ทำจากเขาควายป่า เป็นเครื่องเป่าประเภทลิ้นเดียว ตัวกล่องเสียงทำด้วยเขาควายมีลิ้นไม้ไผ่บางๆ ติดอยู่ด้านหนึ่ง เวลาเป่าจะอมตรงลิ้น ด้านปากลำโพงเขาควายมีแผ่นไม้บางๆ ติดด้วยขี้สูด เวลาเป่าจะใช้มือปิดเปิดด้านปลายยอดเขา บังคับเสียงสูงต่ำได้ด้วย ทั้งเป่าออกและสูดเข้า ซึ่งเป็นเครื่องเป่าชนิดเดียวที่ใช้บรรเลงในพิธีกรรม และให้สัญญาณเวลาเข้าป่าในสมัยโบราณ เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมดนตรี และยังรักษาขนบเนียมประเพณีดั้งเดิมอย่างเคร่งครัด จากภาพเป็นการเป่าเสนงเกลในพิธีกรรมช้างของชาวกูยอาจีงที่ศูนย์คชอาณาจักร จังหวัดสุรินทร์
เครื่องเป่าชนิดนี้จะว่า เป็นเครื่องดนตรีก็ได้ แต่เชิงการใช้งานมักปรากฏในทางพิธีกรรมเสียมากกว่า ดังในภาคอีสาน หมอช้างจะใช้เป่าเพื่อทำพิธีเพื่อสื่อไปถึงเจ้าป่าเจ้าเขาก่อนไปคล้องช้าง ภาคใต้ใช้เป่าเรียกลมในการออกเดินทะเล นอกจากนี้ยังเป่าเพื่อฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล เป่าเพื่อรวมพล และบอกอาณัติสัญญาณ
อีกทั้งในกลุ่มชาติพันธุ์ชาวเยอในอดีต เมื่อมีการเคลื่อนย้ายถิ่นฐานยังเป่าเครื่องเป่าเขาสัตว์นี้เสมอ โดยเชื่อว่าช่วยให้เดินทางปลอดภัย เสริมสร้างความเป็นสิริมงคล คอยปกปักษ์รักษาจากสิ่งชั่วร้าย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันชาวเยอมีลักษณะการตั้งถิ่นฐานถาวร ทำให้มิได้ใช้เป่าในการเดินทางแล้ว แต่ยังใช้เป็นเครื่องเป่าประกอบพิธีกรรมบูชาพระยากตะศิลา ทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เนื่องจากชาวเยอนับถือให้เป็นผีบรรพบุรุษ ณ ศาลพระยากตะศิลา อำเภอราศีไศล จังหวัดศรีสะเกษ
ลำนำอีสานขับขานสะไน
นอกจากนี้ ยังถูกใช้เป็นเครื่องดนตรีร่วมบรรเลงกับวงโปงลางในปัจจุบัน รวมทั้งมีการนำไปใช้ในการแสดงนาฏศิลป์ เซิ้งสะไน อีกด้วย
เซิ้งสะไน
ซาวด์ดนตรีพื้นบ้าน [เซิ้งสะไนจังหวะช้า]