
พอดีเป็นแฟนของลูกสาวแห่งชาติที่ชื่อ ลิซ่า หรือ น้องลลิสา มโนบาล หรือ ลิซ่า BLACKPINK ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร W Korea ว่า อยากกินอาหารไทย อย่าง น้ำพริกจรั๊วะโดง ชาวบลิ๊ง Blink ทั้งหลายน่าจะเริ่มหาข้อมูล หาสูตรเพื่อตามรอยลิซ่ากันบ้างแล้ว ซึ่งบอกเลยว่า น้ำพริกจรั๊วะโดง หรือ เบาะโดง เป็นชื่อเมนูอาหารที่ค่อนข้างแปลกใหม่สำหรับใครหลายๆ คน เลยไปค้นหามาบอกให้ทราบกัน
อาหารไทย ช่วงวัยเด็ก Lisa BlackPink | by WKorea
เบาะโดง หรือ จะรั๊วะโดง (น้ำพริกมะพร้าว) มาจากภาษาถิ่น (เขมร) เบาะโดง มาจากคำ 2 คำคือ เบาะ หมายถึง การตำ, หรือป่น และ โดง หมายถึง มะพร้าว ส่วน จะรั๊วะโดง คำว่า จรั๊วะ มีคำแปลว่า น้ำพริก ซึ่งก็คือ น้ำพริกมะพร้าว เช่นเดียวกัน แต่มีกรรมวิธีทำต่างกันด้วยวัตถุดิบเล็กน้อย แม้จะเป็นน้ำพริกมะพร้าวเช่นเดียวกัน เสนอทั้งสองแบบให้ทราบเลยดีกว่า
เบาะโดง (น้ำพริกมะพร้าวโบราณ)
เบาะโดง (บางถิ่นออกเสียง โบ๊ะโดง ก็มี) หรือ น้ำพริกมะพร้าวคั่ว เล่าว่ามีต้นกำเนิดมาจากหมู่บ้านทนมีย์ ตำบลเทนมีย์ อำเภอเมืองสุรินทร์ จังหวัดสุรินทร์ โดยชาวบ้านในพื้นที่เล่าว่า แต่เดิมเป็นพื้นที่ที่มีต้นมะพร้าวจำนวนมาก จึงนำมาแปรรูปเป็นอาหาร เบาะโดง จึงเป็นน้ำพริกประจำถิ่น ที่ใช้เนื้อมะพร้าวแก่ขูดแล้วคั่วให้สุก หอมได้ที่ก็นำมาตำให้ละเอียดกับเครื่องปรุงน้ำพริกอื่นๆ เช่น กระเทียม พริก ปลาร้า ปลาทู ทานกับข้าวสวย พร้อมผักพื้นบ้านในท้องถิ่น

ส่วนผสมของน้ำพริกเบาะโดง
- เนื้อมะพร้าวคั่ว
- ปลาทูนึ่ง หรือปลาอื่นๆ ย่างก็ได้
- เกลือ
- พริกสด
- หอมแดง
- กระเทียม
- ปลาร้าบด
"โบ๊ะโดง" น้ำพริกมะพร้าวคั่ว รสโอชา ภูมิปัญญาอีสานใต้
วิธีทำน้ำพริกเบาะโดง
- มะพร้าวแก่ขูด นำมาคั่วให้แห้งมีกลิ่นหอม
- นำพริกสด หอมแดง กระเทียมมาคั่ว จากนั้นนำมาโขลกรวมกัน ใส่เกลือเพื่อเพิ่มรสชาติ
- นำเนื้อปลาทูลงโขลกรวมกัน ใส่มะพร้าวคั่วลงไป โขลกให้เข้ากัน
- ใส่ปล้าร้าบด เพื่อเพิ่มความอร่อย ชิมปรุงรสตามใจชอบ
- ตักใส่จาน รับประทานคู่กับผักพื้นบ้าน ข้าวสวยร้อนๆ
เบาะโดง (น้ำพริกมะพร้าวโบราณ) ได้รับการคัดเลือกเป็น "๑ จังหวัด ๑ เมนู" ประจำปี พ.ศ. 2566 ของจังหวัดสุรินทร์ อาหารว่างพื้นบ้านที่มีรสชาติอร่อยที่อยากให้ทุกคนได้ลองชิมกันครับ
น้ำพริกจรั๊วะโดง หรือ น้ำพริกกะทิ
น้ำพริกที่ น้องลิซ่า BLACKPINK ออกสื่อว่า น้องเองก็ชื่นชอบในรสชาติมากๆ น้ำพริกนี้ใช้กะทิเป็นส่วนผสม ให้รสชาติที่คล้ายคลึงกับเต้าเจี้ยวหลน สามารถทานคู่กับผักสดหรือเครื่องเคียงได้เช่นเดียวกับน้ำพริกทั่วไป ไฮไลต์อยู่ที่ กะทิและเนื้อปลา รสจะไม่โดด เน้นความกลมกล่อม เข้มข้น กินได้เรื่อยๆ ยิ่งมีผักสดเคียงเยอะๆ นี่ดีต่อสุขภาพมาก

ส่วนผสมน้ำพริกจรั๊วะโดง (น้ำพริกกะทิสด)
- เนื้อปลาทู ปลาน้ำจืด (ที่มี ที่หาได้) ย่าง หรือปลากระป๋อง
- กะทิสด หรือกะทิกล่อง
- กระเทียม
- หอมแดง
- พริกแดงสด
- น้ำปลาร้า
- เกลือเล็กน้อย
- ผงปรุงรส (ไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบ)
น้ำพริกจรั๊วะโดง น้ำพริกกะทิบุรีรัมย์ เมนูโปรดลิซ่า Blackpink
วิธีทำน้ำพริกจรั๊วะโดง
- นำพริก กระเทียม และหอมแดง มาคั่วในกระทะให้สุกมีกลิ่นหอม
- นำพริก กระเทียม และหอมแดงที่คั่วแล้ว มาโขลกให้ละเอียด
- ใส่เนื้อปลาตามลงมาโขลกให้เข้ากันกับเครื่องสมุนไพร
- คั่วกะทิในหม้อจนเดือด จากนั้นใส่เนื้อปลาและเครื่องที่โขลกไว้ลงในหม้อ
- ต้มจนน้ำพริกกลับมาเดือด จากนั้นปรุงรสด้วย เกลือเล็กน้อย น้ำปลาร้า และผงปรุงรส (ตามชอบ)
- ชิมรสชาติตามชอบ คลุกเคล้าให้น้ำพริกข้น ตักใส่ถ้วยพร้อมทานคู่ผักสด และไข่ต้ม

เบาะโดง และ จรั๊วะโดง ความเหมือนที่แตกต่าง ถ้าจะพูดกันง่ายๆ ก็ เบาะโดง คือ ป่นแห้ง (มีมะพร้าวคั่ว) ส่วน จรั๊วะโดง คือ ป่นมีน้ำขลุกขลิกจากกะทิ (มะพร้าว) ทั้งคู่ไม่เพียงแต่เป็นอาหารที่ชาวอีสานใต้ (ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์) นิยมรับประทานเท่านั้น หากแต่ยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมการใช้ชีวิตของผู้คนในแถบนี้ เพราะอาหารนั้นย่อมแสดงออกถึงความเป็นตัวตนของผู้ที่บริโภค ด้วยความเป็นชนบทที่สิ่งอำนวยความสะดวกอาจจะยังเข้าไม่ถึงได้อย่างเต็มที่ อาหารการกินจึงเน้นให้มีความเรียบง่าย หาวัตถุดิบได้ด้วยตนเอง และไม่ต้องเสียเงินซื้อมากมาย โดยทั้งปลาและผักเครื่องเคียง ล้วนแล้วแต่มีอยู่ตามท้องทุ่งและรั้วบ้านนั่นเอง
![]()
















