
เมนูประจำจังหวัดภาคอีสานของเมืองไทย
งงทั้งจังหวัด! ดรามา '1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น' คนพื้นถิ่นไม่รู้จัก แต่โคราชเลือก 'เมี่ยงคำ' ที่อื่นก็มีกิน
ซึ่งตั้งแต่เผยแพร่อาหารประจำจังหวัดออกมา ก็มีดรามา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ออกมาเต็มไปหมดในสื่อโซเชียล เช่น เป็นอาหารหาทานยากตรงไหน เป็นรสชาติที่หายไปตรงไหน ทำไมอาหารบางประเภทไม่ติด มีอาหารบางประเภทที่แม้แต่คนในจังหวัดก็ไม่รู้จัก
โครงการนี้เคยเป็นไวรัลไปเมื่อตอนปี พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา กับโครงการจาก กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ในชื่อ "1 จังหวัด 1 เมนู เชิดชูอาหารถิ่น รสชาติ…ที่หายไป The Lost Taste" โดยเป็นโครงการภายใต้การส่งเสริมและพัฒนายกระดับอาหารถิ่นสู่มรดกทางวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ความเป็นไทย (Thaland Best Local Food)

วิธีการหลักๆ ของแต่ละปีคือ การเปิดให้ทุกจังหวัดคัดเลือก 'เมนูอาหารท้องถิ่น' ของตัวเองมาจังหวัดละ 5 เมนู ผ่านวัตถุประสงค์หลักๆ ดังนี้
- เมนูเหล่านั้นต้องสะท้อนประวัติศาสตร์ท้องถิ่น มีความสัมพันธ์กับวิถีชีวิตผู้คนในจังหวัดนั้นๆ
- มีการใช้สมุนไพรหรือพืชพรรณท้องถิ่นมาประกอบอาหาร
- เป็นมรดกทางภูมิปัญญาและทางวัฒนธรรมท้องถิ่นอีกด้วย
จากนั้นจะมีการคัดเลือกส่วนแรก โดยผู้ทรงคุณวุฒิและกรรมการจากส่วนกลาง เหลือเพียง 3 เมนู โดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านอาหารและเชฟที่มีชื่อเสียงร่วมกลั่นกรองและคัดเลือกตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 5 ด้าน ประกอบด้วย
- ด้านอัตลักษณ์และภูมิปัญญา
- ความเสี่ยงต่อการสูญหาย
- ด้านวัตถุดิบท้องถิ่นและสิ่งแวดล้อม
- ด้านการต่อยอดและเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจสร้างสรรค์
- ด้านโภชนาการ
และคัดเลือกส่วนที่สองโดยประชาชน ผ่านการโหวตบนช่องทางออนไลน์ ผ่าน Facebook Page ของ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ตามห้วงเวลาที่กำหนด (ระหว่างเดือนกรกฎาคม) จนเหลือเพียง 1 เมนูอาหารที่สะท้อนความเป็นท้องถิ่นของจังหวัดนั้นๆ ในทุกปี
“วุ้นตาลน้ำกะทิ” เมนูเชิดชูถิ่น จ.อุบลฯ
ตัวอย่างในปี พ.ศ. 2567 จังหวัดอุบลราชธานี (บ้านของอาวทิดหมูเอง) ก็มีรายการอาหารเข้ามาให้คัดเลือกจากกรรมการสรรหาระดับจังหวัดมากกว่า 30 เมนู โดยคณะกรรมการได้กลั่นกรองและลงคะแนนคัดเลือกในด้านต่างๆ อาทิ ประวัติความเป็นมา คุณค่าทางโภชนาการ วัตถุดิบในท้องถิ่น ผลปรากฏว่ามี 6 เมนู ที่ผ่านการคัดเลือก เพื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไปร่วมโหวต ได้แก่ 1. แกงไข่ผำ 2. ข้าวผัดน้ำผักสมุนไพร 3. หลนเค็มบักนัด 4. บักม่วงยัดโบก 5. วุ้นตาลน้ำกระทิ และ 6. ตำกล้วย
เมื่อส่งผ่านขั้นตอนไปจนสิ้นสุดในส่วนกลาง ทั้งคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญ และการโหวตภาคประชาชน ปรากฏว่า ปี พ.ศ. 2567 ได้เป็น วุ้นตาลน้ำกระทิ นั่นเอง (เสียงเงียบจากประชาชนส่วนใหญ่ได้แต่สงสัย ทำไมไม่ใช่ หลนเค็มบักนัด) จังหวัดอื่นๆ ก็คงจะมีความเป็นมาเป็นเช่นเดียวกัน
ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มีเมนูที่ได้รับการโหวตเมนูทั้ง 20 จังหวัดมา ตามรายการข้างล่าง พวกเจ้าพากันอยู่ไส บ้านใด๋ อำเภอ/จังหวัดใด๋ ฮู้จักแนวกินบ้านเจ้าของบ่ล่ะ
ปี พ.ศ. 2566
- ข้าวแดะงา จังหวัดกาฬสินธุ์
- ปลาแดกบองสมุนไพร จังหวัดขอนแก่น
- คั่วเนื้อคั่วปลา จังหวัดชัยภูมิ
- เมี่ยงตาสวด จังหวัดนครพนม
- เมี่ยงคำ (โคราช) จังหวัดนครราชสีมา
- หมกหม้อปลาน้ำโขง จังหวัดบึงกาฬ
- ขนมตดหมา (เวือระพอม) จังหวัดบุรีรัมย์
- แจ่วร้อนท่าขอนยาง จังหวัดมหาสารคาม
- ตำเมี่ยงตะไคร้ ลำข่าสดใส่มดแดง จังหวัดมุกดาหาร
- อั่วกบ (กบยัดไส้) จังหวัดยโสธร
- ข้าวปุ้นน้ำยาปลาหลด จังหวัดร้อยเอ็ด
- ส้าปลาน้ำโขง จังหวัดเลย
- ละแวกะตาม จังหวัดศรีสะเกษ
- แกงหวาย จังหวัดสกลนคร
- เบาะโดง (น้ำพริกมะพร้าวโบราณ) จังหวัดสุรินทร์
- หลามปลาน้ำโขง จังหวัดหนองคาย
- เมี่ยงคำลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู
- อู๋พุงปลา จังหวัดอำนาจเจริญ
- ข้าวต้มมัดบัวแดง จังหวัดอุดรธานี
- ลาบหมาน้อย จังหวัดอุบลราชธานี
ปี พ.ศ. 2567
- ซว้าไก่ จังหวัดกาฬสินธุ์
- ข้าวโจ้โรยงา จังหวัดขอนแก่น
- หมกลาบปลาตอง จังหวัดชัยภูมิ
- กะละแมโบราณนครพนม จังหวัดนครพนม
- น้ำพริกหมู (โคราช) จังหวัดนครราชสีมา
- ชั่วไก่ จังหวัดบึงกาฬ
- กุ้งจ่อมผัดสมุนไพร จังหวัดบุรีรัมย์
- ลาบปูนา จังหวัดมหาสารคาม
- ข้าวต้มพันตองหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร
- ลาบปลาแม่น้ำชี จังหวัดยโสธร
- ลาบปูนา จังหวัดร้อยเอ็ด
- เมี่ยงโค้นน้ำผักสะทอน จังหวัดเลย
- ปาดหรือแป้งปิ้งโบราณ - เซาอัง จังหวัดศรีสะเกษ
- ส้มตีนโคขุนโพนยางคำ จังหวัดสกลนคร
- นมเนียล จังหวัดสุรินทร์
- ผัดจังโก้ (แบบดั้งเดิม) จังหวัดหนองคาย
- ป่นปลาเข็ง จังหวัดหนองบัวลำภู
- ลาบปลาคังแม่น้ำโขงสมุนไพร จังหวัดอำนาจเจริญ
- ข้าวเม่า บ้านผือ จังหวัดอุดรธานี
- วุ้นตาลน้ำกะทิ จังหวัดอุบลราชธานี
ปี พ.ศ. 2568
- แกงไข่ผำใส่ใบหมากไฟ - กาฬสินธุ์
- แกงไข่ผำ - ขอนแก่น
- หม่ำ - ชัยภูมิ
- หมกจ๊อของกิน ไทญ้อ เมืองอุเทน - นครพนม
- ตำส่มโคราช - นครราชสีมา
- อุเอาะปลาน้ำโขง - บึงกาฬ
- จรั๊วะโดง - บุรีรัมย์
- ต้มส้มปลาบู่ - มหาสารคาม
- หลามปลาข่อ - มุกดาหาร
- กบพ่นไฟ - ยโสธร
- แกงไข่ผำ - ร้อยเอ็ด
- ไก่ซั๊วสาวหลง - เลย
- อาซอม - ศรีสะเกษ
- แจ่วแมงแคงกับลวกผักป่าภูพาน - สกลนคร
- ซันลอเจก (แกงกล้วย) - สุรินทร์
- โหย่ย - หนองคาย
- ลาบเทา - หนองบัวลำภู
- ปลายำตะไคร้ - อำนาจเจริญ
- พิคานย่าวัวบ้านย่างเตาถ่าน - อุดรธานี
- ข้าวเม่าคลุก - อุบลราชธานี
รายการอาหารเหล่านี้ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ย้ำว่า!! "เป็นการหยิบยกเมนูที่คนท้องถิ่นหรือคนในพื้นที่นั้นๆ ไม่รู้จักขึ้นมา เป็นวัตถุประสงค์หลักที่ต้องการทำให้คนรุ่นใหม่ได้พบกับ “รสชาติที่หายไป” หมายความว่า เมนูประจำถิ่นของแต่ละจังหวัดอาจไม่ได้มีชื่อเสียงในปัจจุบัน แต่เป็นการขุดคุ้ยเมนูที่เคยมีอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ในอดีต ให้กลับมาเป็นเมนูเชิดชูถิ่นได้ในปัจจุบันนั่นเอง"

สำพอดอก ข้าน้อยกะหัวกะฮู้ว่ามีชื่ออาหารชนิดนี้อยู่ วิญญาณนักชิมอย่า อาวทิดหมู มักหม่วน นี้กระชุ่มกระชวยขึ้นมาเลยทีเดียว เพื่อให้มีความสมบูรณ์พร้อมทั้งวัตถุดิบ วิธีการปรุง ความอร่อยของอาหารขึ้นชื่อในอดีตเหล่านี้ ท่านเว็บมาดเซ่อ พร้อมสิเป็นสปอนเซอร์ให้ท่อใดครับ (อย่าขี้เหนียวหลายเด้อ บัดผู้สาวเสิร์ฟคือจกให้ทิปไวแท้ล่ะ!😁😄😅) สิได้ตระเวนหาชิมเพื่อมาถ่ายทอดให้แฟนนานุแฟนอีสานบ้านเฮาได้แจ่มแจ้งกันต่อไป สวัสดี
![]()
















