
การเรียนรู้ภาษาอีสานจากเพลง น่าจะเป็นหนทางที่ผู้เรียนจะเข้าใจได้ง่ายกว่า เพราะได้ยินสำเนียงเสียงอีสานจากนักร้อง บางเพลงก็ยังเรียนรู้ความหมายของคำได้ จากละครในมิวสิกวีดิโอได้อีกด้วย ตามคำขอครับสำหรับแฟนๆ ที่ชอบเพลงอีสานแต่ฟังแล้วเข้าใจความหมายได้ไม่หมด ก็ทำให้ความรู้สึกซาบซึ้งในดนตรีนั้นลดน้อยลง อยากจะทราบเนื้อหาเพลงใด ของนักร้องคนใด ก็บอกกันมาได้เลยครับ ส่งอีเมล์ไปที่ webmaster (@) isangate.com จะได้นำมาเสนอเป็นลำดับต่อไป ขอแจ้งให้ทราบว่า ผู้จัดทำไม่ได้มีความต้องการโปรโมทเพลงนักร้องคนใด ค่ายใดทั้งสิ้น เพลงที่ถูกคัดเลือกมานำเสนอ จะต้องมีภาษาอีสานแทรกอยู่จำนวนหนึ่ง ที่แฟนเพลงบางท่านอาจไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริง ฟังแล้วม่วนแต่บ่เข้าใจ จึงจะได้รับการคัดเลือกมาลงในหน้านี้ครับ
| 
 
 ปี่ลำข้าว
ศิลปิน : เวียง นฤมล    คำร้อง/ทำนอง : ปรีชา ปัดภัย   เรียบเรียง : จินนี่ ภูไท  
  
  
               เดือนสิบเอ็ดหัวลมต้อง                (เดือนสิบเอ็ดลมเริ่มเปลี่ยนทิศ)         ฮอดเดือนสิบสองหัวลมอ่วยพัดคืน         (ถึงเดือนสิบสองสายลมพัดเปลี่ยนคืน)         เสียงลมพัดใบข้าว คิดฮอดแต่อ้ายบ่หลับบ่นอนหลายคืน         (เสียงลมพัดใบข้าว คิดถึงแต่พี่ชายไม่หลับไม่นอนมาหลายคืน)         ได้ข่าวว่าคนไกลใจท้อ อิแม่อิพ่อจ่มหาทุกเช้ายามตื่น         (ได้ข่าวว่าคนี่อยู่ไกลใจท้อ พ่อแม่บ่านทุกเช้ายามตื่น)         ผู้คนพลัดถิ่นเขากลับมาบ้านกันวื้นวื้น         (คนงานพลัดถิ่นเขากลับ้านกันมากมาย)         ลมหนาวหวนคืน แล้วอ้ายยังบ่ซอดมา         (แล้วพี่อยู่ไหนยังไม่กลับมาอย่างลมหนาว)         ลมหนาวหวนคืน แล้วอ้ายยังบ่ซอดมา         (ลมหนาวกลับมาแล้ว ใยพี่ชายไม่กลับมา)
  
            * กรุงเทพฯ ตอนนี้เขาว่าลำบากแฮง               (กรุงเทพฯ ตอนนี้เขาว่าลำบากนัก)         ผู้คนขายแรง ตกงานกันหลายพันหมื่น         (ผู้คนขายแรงตกงานกันหลายพันหลายหมื่น)         ไปหม่องใด๋ กะได้ยินเสียงสะอื้น          (ไปที่ไหน ก็ได้ยินแต่เสียงสะอื้น)         เบิ่งข่าวแล้วใจหาย กะได้แต่คอยคอยถ่า         (ดูข่าวแล้วใจหาย ก็ได้แต่คอยรอพี่)         คืนมาตั้งหลัก มาพักใจอยู่บ้านเฮาบ่         (กลับมาตั้งหลัก มาพักใจที่บ้านเราไหม)         มาเกี่ยวข้าวดอมาอยู่บ้านเฮาพร้อมหน้า         (มาร่วมเกี่ยวข้าวอยู่บ้านเรากันพร้อมหน้า)
  
          ** เสียงปี่ลำข้าวสิเป่าเอิ้นอ้ายคืนมา               (เสียงปี่ลำข้าวจะเป่าเรียกพี่คืนมา)         สวรรค์ลืมตาเด้อจังไปหาสู้ใหม่         (เมื่อภัยโรคร้ายหมดไปค่อยกลับไปสู้ใหม่)         ให้สวรรค์ลืมตาเด้อจังไปหาสู้ใหม่         (เมื่อโอกาสกลับมาค่อยกลับไปสู้งานใหม่)
  
              เดือนสิบเอ็ดหัวลมต้อง               (เดือนสิบเอ็ดลมเริ่มเปลี่ยนทิศ)          ฮอดเดือนสิบสองหัวลมอ่วยแล้วใจหาย          (ถึงเดือนสิบสองลมเปลี่ยนทิศแลวใจหาย)          บ่เห็นคนไกลส่งข่าวคืนถิ่น          (ไม่เห็นคนไกลส่งข่าวว่าจะกลับมา)          จั๊กอยู่ จั๊กกินจังใด๋ น้อส่างเป็นไป          (ไม่รู้ว่าอยู่กินอย่างไร หรือเป็นอย่างไร)          อย่ากลับคืนคอนเมื่อตอนที่มันสาย          (อย่ากลับคืนบ้านตอนที่สายไปแล้ว)          สิ่งที่พ่อแม่อยากได้คืออ้ายเด้อ บ่แม่นเงินทอง          (สิ่งที่พ่อแม่อยากได้คือพี่ชาย ไม่ใช่เงินทอง)
  
                (ซ้ำ *, ** ) 
           เสียงปี่ลำข้าวสิเป่าเอิ้นอ้ายคืนมา            สวรรค์ลืมตาเด้อจังไปหาสู้ใหม่            ให้สวรรค์ลืมตาเด้อจังไปหาสู้ใหม่ 
  
มีคำภาษาอีสานที่น่าสนใจดังนี้ 
หัวลมต้อง = ลมเปลี่ยนทิศ คิดฮอด = คิดถึง  บ่ = ไ่ม่  หม่องใด๋ = ที่ใด คอยถ่า = รอคอย จังไป = ค่อยไป | 
อ่วย = กลับทิศ จ่มหา = บ่นหา  ซอด = ทะลุ, กลับ  กะได้ = ก็ได้ ข้าวดอ = พันธุ์ข้าวที่แก่เร็ว
 
  | 
อ้าย = พี่ชาย  วื้นวื้น = มากมาย, คึกคัก  แฮง = แรง, มาก  เบิ่ง = ดู, เห็น เอิ้น = เรียก
 
  | 
 
 
 
  
 
 | 
 
 
ปี่ลำข้าว เป็นปี่ที่ใช้ลำต้นของข้าวที่แก่แล้วมาทำเป่าให้เกิดเสียง ซึ่งอาวทิดหมูก็เคยทำและเป่ากันเล่นๆ สนั่นท้องทุ่งนายามลงไปเกี่ยวข้าวกัน น้องสาวเวียง นฤมล นำเอามาขับร้องเป็นเพลงเพื่อสื่อถึงหนุ่มๆ ที่พากันไปขายแรงงานในเมืองกรุง ที่กำลังประสบปัญหาตกงาน ถูกเลิกจ้าง ให้หวนคืนบ้านนามาเกียวข้าวด้วยกัน เมื่อฟ้าเปิด (โรคร้าย สภาพเศรษฐกิจฟื้นตัว มีการมีงาน) ค่อยกลับไปทำงานในเมืองกรุงกันใหม่ เวลานี้ทุกคนเป็นห่วงอยากให้กลับบ้าน สิ่งที่พ่อ-แม่รอไม่ใช่เงินทองแต่คือลูกๆ มากกว่า เข้ากับบรรยากาศลมหนาวพอดีเลย ได้ยินบ่น้อเสียง "ปี่ลำข้าว" จากบ้านเฮาดังไกลไปถึงกรุงเทพฯ บ่...

